K WEALTH / บทความ / Market Update / ประเด็นร้อน : เจาะตลาดหุ้นโลกเริ่มบวก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงต้องติดตาม
06 ตุลาคม 2565
2 นาที

ประเด็นร้อน : เจาะตลาดหุ้นโลกเริ่มบวก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงต้องติดตาม


​“

• นักลงทุนคลายความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น แต่ก็อาจเป็นการปรับตัวเพียงระยะสั้นเท่านั้น


• กองทุนน้ำมันปรับตัวขึ้น จากการลดกำลังการผลิตลงของกลุ่ม OPEC+ ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แต่ความต้องการและราคาน้ำมันอาจลดลงจากความเสี่ยงเรื่องสภาวะเศรษฐกิจถดถอย



เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก

ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ของสหรัฐฯ ล่าสุดเดือน ส.ค. ที่ประกาศเมื่อคืนวันที่ 4 ต.ค. 65 ลดลง 1.1 ล้านตำแหน่ง เหลือ 10.1 ล้านตำแหน่ง สะท้อนการชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณบ่งชี้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่ผ่านมาเริ่มเห็นผลแล้ว ทำให้นักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่าแม้ FED ยังต้องขึ้นดอกเบี้ยอยู่ แต่จะมีความรีบเร่งน้อยลง


การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักของโลกอย่างธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มักส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้น เนื่องจากทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจและประชาชนสูงขึ้น


ดังนั้น เมื่อเริ่มมีสัญญาณที่ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นได้ โดย ณ 4 ต.ค. 65 กองทุนหุ้นหลายกองทุนมีการปรับตัวขึ้นจากการคลายความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED แต่การปรับตัวขึ้นดังกล่าวอาจเป็นเพียงการขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น


เนื่องจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า FED จะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ก็เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอความร้อนแรงลง ลดความจำเป็นที่ FED จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย แต่ในระยะยาวแล้วการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงย่อมส่งผลลบต่อแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะกลางถึงยาวได้


อีกทั้งล่าสุดเมื่อ 5 ต.ค. มีการประกาศตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเดือน ก.ย. 65 สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดี ซึ่งอาจเป็นปัจจัยให้นักลงทุนกลับมากังวลว่า FED จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ทำให้ในช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความผันผวนได้ และอาจส่งผลต่อตลาดหุ้นอื่นด้วย ซึ่งเมื่อ 5 ต.ค. ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.14%-0.25%เทียบกับวันก่อนหน้า



กองทุนหุ้น ที่ราคาปรับตัวขึ้น





สาเหตุที่กองทุนหุ้นดังกล่าวราคาปรับตัวขึ้น

เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ว่าอาจไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยมากตามที่กล่าวไปข้างต้น


ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ณ 4 ต.ค. ปรับตัวขึ้น เช่น ดัชนี NASDAQ +3.34% S&P 500 +3.06% และ Dow Jones +2.80%เทียบกับวันก่อนหน้า อีกทั้งยังส่งผลให้ตลาดหุ้นอื่นๆ ปรับตัวขึ้นตาม อย่างตลาดหุ้นยุโรป เช่น ดัชนี TOPIX Stoxx 50 (หุ้นใหญ่) +4.26% STOXX 600 (หุ้นใหญ่/กลาง/เล็ก) +3.12%


ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เช่น ดัชนี TOPIX +3.21% และตลาดหุ้นฮ่องกง เช่น Hang Seng ณ 5 ต.ค. +5.90%เทียบกับวันก่อนหน้า



กองทุนน้ำมัน ปรับตัวขึ้น

ก่อนการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือ OPEC+ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีมติปรับลดกำลังการผลิตเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันเพื่อหนุนราคาน้ำมันในตลาด ประกอบกับการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ผู้ถือเงินสกุลอื่นสามารถซื้อน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์ได้ในราคาที่ถูกลง ส่งผลดีต่อความต้องการและราคาน้ำมันดิบ ทำให้ ณ 4 ต.ค. 65 ราคากองทุน K-OIL ปรับตัวขึ้น +3.68%เทียบกับวันก่อนหน้า


ล่าสุด ณ 5 ต.ค. การประชุม OPEC+ ได้มีมติปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน พ.ย. จากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีมติลดกำลังการผลิต 100,000 บาร์เรล/วัน ไปแล้วในเดือน ต.ค. ส่งผลให้กองทุน Invesco DB Oil Fund (กองทุนหลักของ K-OIL) ราคามีการปรับตัวขึ้น 2.20%เทียบกับวันก่อนหน้า ซึ่งคาดว่าราคากองทุน K-OIL ณ 5 ต.ค. (คาดว่าประกาศคืนวันที่ 6 ต.ค.) จะปรับตัวในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตามความต้องการใช้น้ำมันในอนาคตอาจมีแนวโน้มลดลงจากความต้องการใช้พลังงานที่น้อยลงหากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย



คำแนะนำการลงทุน


• ผู้ที่ถือกองทุน K-OIL และกองทุนหุ้นยุโรป (เช่น K-EUROPE-A(D) K-EUSMALL) อยู่

แนะนำให้พิจารณาขายคืนหรือลดสัดส่วนการลงทุน สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ยังไม่แนะนำให้ลงทุน


• ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ (เช่น K-USA, K-US500X, K-USXNDQ) อยู่

แนะนำให้ถือต่อ โดยรอประเมินสถานการณ์ ติดตามตัวเลขและทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ชัดเจน ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ยังไม่แนะนำให้ลงทุนตอนนี้


• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้

แนะนำพิจารณาทางเลือกในการแบ่งเงินลงทุนบางส่วนไปทยอยลงทุนกองทุนหุ้นเวียดนาม (เช่น K-VIETNAM) หรือกองทุนหุ้นไทย (เช่น K-STAR, K-BANKING) เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว


• สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น

แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF ซึ่งเหมาะกับการพักเงิน 3 เดือนขึ้นไป เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, ryt9


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



บทความโดย K WEALTH TRAINER ราชันย์ ตันติจินดา CFP®
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

จัดพอร์ตลงทุนให้แกร่ง ต้านเงินบาทร่วงหนักสุด
รู้จัก "Stop Loss" เทคนิคป้องกันไม่ให้เจ็บหนักเวลาตลาดดิ่ง
5 ทางเลือกบริหารเงินทุนสำรองของธุรกิจให้งอกเงย