-
ปี 2568 ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงเป็นขาขึ้น โดยสหรัฐฯ และเอเชียโดดเด่นจากกระแส AI และ Semiconductor ทำให้กองทุนดัชนี (Index Fund) กลับมาเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการการลงทุนที่ง่าย ค่าธรรมเนียมต่ำ และกระจายความเสี่ยงได้ดี
-
K WEALTH คัดกองทุนดัชนียอดฮิตมาแนะนำ ได้แก่ กองทุน K-WORLDX, K-WORLDXRMF, K-US500X, K-US500XRMF, K-INDX และ K-CHX
ปี 2568 เป็นปีที่ดัชนีทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและก้าวเข้าสู่รอบทิศทางใหม่ ทั้งหุ้นสหรัฐฯ หุ้นอินเดีย ไปจนถึงธีมเทคโนโลยีที่วิ่งแรงแซงทางโค้งแบบไม่รอใคร คนที่กำลังมองหาการลงทุนที่เกาะจังหวะเศรษฐกิจโลก ตอบโจทย์ทั้งค่าธรรมเนียมต่ำ และกระจายความเสี่ยงได้ดี ไม่ควรพลาดกองทุนดัชนี (Index Fund) หรือกองทุนที่ลงทุนล้อไปกับดัชนีอ้างอิง เช่น ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ แล้วกองทุนดัชนีตัวไหนดี บทความนี้ได้รวบรวมกองทุนดัชนีที่น่าสนใจในปี 2568 มาให้แล้ว
ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลก
สำหรับการลงทุนหุ้นโลก K WEALTH มีมุมมองดังนี้
- ภาพรวมตลาดหุ้นโลกยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น นำโดยสหรัฐฯ ที่ได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้และปีหน้า โดยสหรัฐฯ ยังเป็นผู้นำตลาดจากกระแส AI และการบริโภคภาคบริการที่ยังแข็งแรง แม้ Valuation จะอยู่ในระดับสูง แต่ตลาดยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง
- การเติบโตของกำไรยังนำโดยกลุ่มเทคโนโลยี และ Sector ที่ได้อานิสงส์จาก AI โดยกำไรบริษัททั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และเอเชียยังเติบโตเร่งตัวจากกลุ่ม Semiconductor, Cloud Infrastructure และ AI Supply Chain พร้อมกับการฟื้นตัวในบาง Sector เช่น Industrials และ Communication Services ด้าน Healthcare และ Utilities เริ่มถูกจับตามากขึ้นเนื่องจากเป็นกลุ่มที่เริ่มนำ AI เข้ามาใช้จริงและมีโอกาสเห็นกำไรฟื้นตัวต่อเนื่องในระยะถัดไป
- ภูมิภาคที่ Valuation ยังต่ำ แต่ได้รับประโยชน์จาก AI เช่นเดียวกับสหรัฐฯ โดดเด่น นำโดยภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะไต้หวัน–เกาหลี รวมถึงจีนบางกลุ่มถูกมองว่าน่าสนใจจาก Valuation ที่ยังต่ำกว่าสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากการเติบโตของธุรกิจ AI และ Semiconductor Supply Chain เช่นเดียวกันกับฝั่งสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยุโรปก็มี Valuation ที่ไม่แพง และบาง Sector เช่น Healthcare, Utilities และ Consumer Staples มีโอกาสฟื้นตัวเมื่อเศรษฐกิจทยอยกลับมาสู่ภาวะปกติ และนโยบายการคลังเริ่มส่งผลบวกมากขึ้นในช่วงปี 2026–2027
(ข้อมูล ณ 1 ธ.ค. 68)
ข้อดี ข้อเสียของกองทุนดัชนี
สำหรับคนที่สนใจลงทุนในหุ้นทั่วโลก การลงทุนผ่านกองทุนดัชนีเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพราะลงทุนง่าย ใช้เงินลงทุนไม่มาก แต่ก็มีข้อดี ข้อเสียที่ควรพิจารณาด้วยเช่นกัน ดังนี้
ข้อดี
- ค่าธรรมเนียมต่ำ เนื่องจากเป็นกองทุน Passive Fund ที่มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรับ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ ใกล้เคียงกับดัชนีตลาดที่อ้างอิง จึงทำให้ค่าธรรมเนียมการจัดการ รวมถึงค่าธรรมเนียมการขายและการรับซื้อคืนต่ำกว่ากองทุน Active Fund ที่มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุก เพื่อสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าดัชนีตลาดที่อ้างอิง
- กระจายความเสี่ยง เนื่องจากกองทุนดัชนีจะลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นดัชนีอ้างอิงนั้นๆ ทำให้นักลงทุนได้กระจายการความเสี่ยงด้วยการลงทุนในหุ้นของหลายๆ บริษัทพร้อมกัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวเพียงไม่กี่ตัว
ข้อเสีย
- ผลตอบแทนจำกัด เนื่องจากเป้าหมายของกองทุนดัชนีคือการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง จึงไม่เหมาะกับนักลงทุนที่คาดหวังโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดเหมือนอย่างกองทุนเชิงรุก
- ขาดความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนการลงทุน เนื่องจากกองทุนมีข้อจำกัดด้านนโยบายการลงทุนที่ล้อตามดัชนีอ้างอิง ทำให้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะกับสภาวะตลาดที่ผันผวนหรือเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้
เปรียบเทียบกองทุนดัชนียอดฮิตปี 2568

หมายเหตุ: ข้อมูล ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2568
เริ่มลงทุนกองทุนดัชนีอย่างไร
การเริ่มต้นลงทุนกองทุนดัชนีเป็นเรื่องง่าย ซึ่งวิธีลงทุนที่นักลงทุนหลายคนนิยมใช้เพราะใช้งานง่ายและสะดวกรวดเร็วคือ การลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS หากใครยังไม่มีบัญชีกองทุนก็สามารถเปิดบัญชีกองทุนออนไลน์ได้เลย
สำหรับคนที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากกองทุนก็สามารถเลือกลงทุนกองทุน RMF ที่เป็นกองทุนดัชนีได้ อย่างกองทุน K-WORLDXRMF หรือกองทุน K-US500XRMF
หากใครกำลังมองหากองทุนที่น่าสนใจในปี 2568 กองทุนดัชนีเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องค่าธรรมเนียมต่ำ การกระจายความเสี่ยง และลงทุนง่ายผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS ที่สำคัญ อย่าลืมพิจารณากองทุนดัชนียอดฮิตอย่าง K-WORLDX, K-US500X, K-INDX และ K-CHX เพื่อเกาะจังหวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังเติบโตและโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-WORLDX, K-WORLDXRMF, K-US500X, K-US500XRMF, K-INDX, K-CHX: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-CHX: ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WORLDX, K-WORLDXRMF, K-US500X, K-US500XRMF, K-INDX: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-WORLDX, K-WORLDXRMF, K-US500X, K-US500XRMF, K-INDX, K-CHX: T+3
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย, SET Investnow