K WEALTH ยังมองหุ้นญี่ปุ่นทรงตัว แม้ไม่ได้น่าสนใจจนควรรีบลงทุนเพิ่ม แต่ก็ยังคงถือต่อได้
มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ K WEALTH: ยังคงมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อการลงทุนหุ้นญี่ปุ่น ในเดือน ธ.ค. 68
เหตุผลที่ KWEALTH คงมุมมองเป็นกลาง
ปัจจัยบวก
• รัฐบาลทากาอิชิออกมาตรการกระตุ้นขนาด ~¥21.3 trillion ทั้งลดภาระครัวเรือน อุดหนุนพลังงาน และอัดงบ AI–Cyber–Defense เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ส่วนความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่น-จีน ที่ปะทุจากถ้อยแถลงของนายกฯ ทากาอิชิเรื่องไต้หวัน ทำให้จีนออกสัญญาณแข็งกร้าวขึ้นและแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีความอ่อนไหวต่อจีน ในเรื่องนักท่องเทียวจีน และรายได้จากทางจีนมากขึ้นกว่าในอดีต
ปัจจัยที่ควรติดตาม
• GDP ญี่ปุ่นไตรมาส 3 หดตัว -1.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากแรงกดดันด้านที่อยู่อาศัยและส่งออก แต่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังยืนได้ ด้านเงินเฟ้อยังอยู่ใกล้ 3% สูงกว่าเป้าหมาย BOJ บีบให้ต้องเดินหน้า Tightening ต่อในระยะข้างหน้า
•Valuation อยู่ที่ระดับค่อนข้างสูง 1.5 S.D. ทำให้มี Upside ที่ค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ดี earnings ฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป กระจุกตัวใน Tech/Automation มากกว่าทั้งตลาด แต่ในภาพระยะยาวยังได้แรงหนุนจาก Shares buybacks ทำสถิติสูงสุด สัดส่วนบริษัทที่ P/B < 1 ลดลง และการลด cross-shareholding ทำให้ตลาดคุณภาพดีขึ้น และช่วยลด downside risk ของตลาด
(ข้อมูล ณ 1 ธ.ค. 68)
คำแนะนำ
•สำหรับคนที่มีกำไรจากกองทุนหุ้นญี่ปุ่น หรือถือกองทุนหุ้นญี่ปุ่นไว้เกิน 20% ของเงินลงทุน พิจารณาขายบางส่วนไปลงทุนกองทุนหุ้นอื่น เช่น K-GSELECT, K-INDIA หรือกองทุนผสม K-WPULTIMATE, K-WPSPEEDUP ที่มีการกระจายลงทุน เหมาะกับการถือระยะยาว
•สำหรับคนที่ขาดทุนจากกองทุนหุ้นญี่ปุ่น ยังสามารถถือต่อได้ หรือคงน้ำหนักการลงทุนหากยังถือกองทุนหุ้นญี่ปุ่นไม่เกิน 20% ของเงินลงทุน
•สำหรับคนที่ยังไม่มีกองทุนหุ้นญี่ปุ่น ควรรอประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน
Disclaimer: “ข้อมูลนี้เป็นความเห็นเบื้องต้นจาก K WEALTH บมจ. ธนาคารกสิกรไทย โดยมีนักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุนเป็นสมาชิก ผู้ลงทุนต้องตัดสินใจลงทุนและรับผิดชอบด้วยตนเอง”
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน / สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา