ประเด็นร้อน : น้ำท่วมภาคใต้ กระทบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน

กดฟัง
หยุด
  • เหตุอุทกภัยรุนแรงในภาคใต้ตั้งแต่ 21 พ.ย. 68 (ซึ่งโดยปกติเป็นช่วงที่กิจกรรมเศรษฐกิจมีความคึกคัก) คาดว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจในช่วง 1 เดือน จะไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท หรือราว 0.13% ของ GDP
  • สำหรับการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ยังสามารถลงทุนในกองทุน ThaiESG ทั้งที่เป็นกองทุนหุ้น/ผสม/ตราสารหนี้ ได้อยู่ หรือหากไม่ใช่การลดหย่อนภาษี แนะนำเน้นกระจายความเสี่ยง ผ่านกองทุนผสม K-WealthPLUS Series

สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด

  • ก่อนเกิดน้ำท่วม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) เพิ่งปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ไทยปี 2568 จาก 1.8% เป็น 2.0% เนื่องจากแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวไฮซีซัน และการเบิกจ่ายงบประมาณที่เร่งตัวขึ้น
  • ตั้งแต่ 21 พ.ย. 68 เป็นต้นมา เหตุอุทกภัยรุนแรงใน สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ฯ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง สตูล ส่งผลกระทบประชาชน กว่า 8 แสนครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4 แสนไร่ และสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย
  • เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งโดยปกติเป็นช่วงที่กิจกรรมเศรษฐกิจคึกคัก โดยเฉพาะภาคบริการและท่องเที่ยว ทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจ "ขยายวงกว้างขึ้น”

ผลกระทบเศรษฐกิจ (ประเมินเบื้องต้นโดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย)

  • ความเสียหายทางเศรษฐกิจใน 1 เดือน ประเมินว่า ไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท หรือราว 0.13% ของ GDP โดยผลกระทบหลักในช่วงแรกมาจากการหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ได้แก่
    • ภาคบริการ: โรงแรม ร้านอาหาร ค้าปลีก ขนส่ง
    • ภาคอุตสาหกรรม: เกษตรและอาหารแปรรูป
    • สาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า ประปา
  • นอกจากนี้ น้ำท่วมยังเกิดขึ้นใกล้ช่วงงานใหญ่ระดับประเทศ เช่น ซีเกมส์ 9–20 ธ.ค. 68 ที่จังหวัดสงขลาเป็นเจ้าภาพร่วม ซึ่งอาจกระทบกิจกรรมท่องเที่ยวและบริการในพื้นที่

ผลกระทบระยะกลาง–ยาว

  • หลังน้ำลด จะมีผลกระทบจากความเสียหายต่อสินทรัพย์ ของครัวเรือนและธุรกิจ เช่น อาคาร บ้านเรือน รถยนต์ เครื่องจักร และสินค้าคงคลัง
  • การฟื้นฟูและซ่อมแซมจะใช้เวลา และขึ้นกับความสามารถในการหารายได้ของครัวเรือนและธุรกิจ

ภาพรวมต่อเศรษฐกิจไทย

  • ก่อนเกิดเหตุการณ์ ภาพเศรษฐกิจไทยกำลังเริ่มฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงเป็นเหตุให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไปก่อนหน้านี้
  • แต่น้ำท่วมครั้งนี้ เป็นความเสี่ยงเชิงลบใหม่ในช่วงปลายปี และมีผลชัดเจนต่อกิจกรรมเศรษฐกิจในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยจะประเมินคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่อีกครั้งหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย

คำแนะนำการลงทุน จาก K WEALTH

  • ระยะสั้นตลาดอาจผันผวนจากความกังวลกิจกรรมเศรษฐกิจชะลอในภาคใต้ ควรเน้นพอร์ตที่ กระจายความเสี่ยง ผ่านกองทุนผสม อย่าง K-WealthPLUS Series เช่น K-WPBALANCED K-WPSPEEDUP
  • ตราสารหนี้ยังเป็นตัวช่วยรับแรงกระแทกในสภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน อาจพิจารณาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ เช่น K-SFPLUS และ K-FIXEDPLUS ซึ่งได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงของไทย
  • สำหรับการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย แม้ยังไม่มีการประเมินคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ แต่ K WEALTH ยังคงมีมุมมอง Neutral (มุมมองเป็นกลาง) อยู่
    • สำหรับกองทุนหุ้นไทยทั่วไป ยังคงถือต่อได้ หากยังมีสัดส่วนการลงทุนไม่เกิน 20%ของเงินลงทุน โดยแนะนำให้ติดตามการอัปเดตจาก K WEALTH ที่จะมีการออก CIO Weekly Insights ทุกต้นสัปดาห์
    • สำหรับกองทุนลดหย่อนภาษี ที่เน้นลงทุนในไทย อย่างกองทุน Thai ESG
      • ที่เป็นกองทุนหุ้นไทย เช่น K-TNZ-ThaiESG หรือกองทุนผสม K-BL30-ThaiESG ที่ลงทุนหุ้นไทยไม่เกิน 30% สามารถลงทุนได้ เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว 5 ปีเต็ม ที่ผลกระทบระยะสั้นไม่มีนัยสำคัญต่อการถือลงทุน
      • หรือหากยังกังวลไจ สามารถลงทุนกองทุน Thai ESG ที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ เช่น K-ESGBF-ThaiESG ที่ลงทุนตราสารหนี้ทั้งรัฐและเอกชน หรือ K-ESGSI-ThaiESG ที่ลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐเป็นหลัก

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-ESGSI-ThaiESG: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 3
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A, K-ESGBF-ThaiESG: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED, K-BL30-ThaiESG: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-TNZ-ThaiESG: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A, K-BL30-ThaiESG, K-ESGBF-ThaiESG, K-ESGSI-ThaiESG: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A, K-BL30-ThaiESG, K-TNZ-ThaiESG, K-ESGBF-ThaiESG, K-ESGSI-ThaiESG: T+2
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”, “ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”



คำเตือน


ผู้เขียน

CIO Office at K WEALTH

Back to top