เทคโนโลยีในเอเชียกำลังโตแรงมาก ไม่แพ้สหรัฐฯ เพราะประชากรเยอะ ใช้ดิจิทัลกันทุกวัน ขับเคลื่อนเร็วจนต้องยอมรับว่าหลายบริษัทในภูมิภาคตอนนี้กลายเป็น “ผู้นำระดับโลกไปแล้ว”
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองนึกภาพว่า “เอเชียเทค” เป็นหนังสือ 1 เล่ม ที่มี 5 บทสำคัญ แต่ละบทคือธุรกิจที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในตอนนี้ ได้แก่ AI, Cloud, เกม, ชิป และ e-Commerce ซึ่ง K WEALTH จะพาคุณไปดู Highlight สำคัญของทั้ง 5 บท พร้อมคำแนะนำว่าคุณจะสามารถเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร...
บทที่ 1 - AI: ไฟที่กำลังลุกโชนทั้งเอเชีย
ตัวแทน: Tencent Holdings
Tencent คือบริษัทจีน เจ้าของ WeChat ที่มีคนใช้มากกว่า 1,400 ล้านบัญชี ทำให้มี “ข้อมูลระดับประเทศ” ที่เอาไปต่อยอด AI ได้ดีกว่าใครในภูมิภาค
ทำไม Tencent ถึงเด่นใน AI?
- ลงทุนด้าน AI และระบบที่เกี่ยวข้อง มหาศาลกว่า
19.1 พันล้านหยวน
- มีการนำ AI ไปต่อยอด เสริมทุกธุรกิจ:
- เกม (ทำให้ประสบการณ์คนเล่นเกมดีขึ้น) เช่น การเอา AI มาใช้ต่อต้านการโกง (AI-based cheat detection) ในเกมอย่าง PUBG Mobile และ Honor of Kings ที่ผลออกมาแล้วว่าจับโกงได้มากกว่า 99% และจับได้ในไม่กี่วินาที เกมที่ใช้ฝีมือวัดกันเพียวๆ ย่อมสนุกว่าการเล่นโกง จริงไหม?
- โฆษณา (ทำให้ยิงตรงกลุ่มมากขึ้น) มีการใช้ Deep Learning เพื่อปรับรูปแบบโฆษณาส่งให้ผู้ใช้บน WeChat สามารถเพิ่มอัตราการคลิก (CTR) เฉลี่ยได้ 15-30% และเพิ่ม Conversion Rate หรืออัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ 5-10%
- Cloud (เพิ่มประสิทธิภาพในภาพรวม) เช่น Tencent Cloud Intelligent Contact Center (TICC) ที่มีการใช้ AI ในการตอบคำถามลูกค้าเบื้องต้นผ่าน Chatbots และ Voicebots ผลก็คือสามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นได้กว่า 80% โดยที่ยังไม่ต้องถึงมือพนักงานเลยด้วยซ้ำ
โอกาสการเติบโต
- การใช้ AI ในธุรกิจเกมและโฆษณาช่วยสร้างประสิทธิภาพสูงขึ้น อันนี้เห็นภาพชัดจากงบไตรมาส 3 ที่เพิ่งประกาศออกมา
a.รายได้เกมต่างประเทศ ซึ่งการแข่งขันสูงมาก เติบโตกว่า 43% YoY เป็นเครื่องยืนยันว่าการเอา AI มาใช้พัฒนาเกม และต่อต้านการโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง จนทำให้ธุรกิจเกมของ Tencent สามารถขยายฐานผู้เล่นได้มากขึ้นทั่วโลก
b.รายได้จากธุรกิจโฆษณา (Marketing Services) เติบโต 21% YoY ถ้าไปอ่านรายละเอียดจะมีบอกเลยว่าเกิดจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำขึ้นด้วย AI-powered ad targeting
- ทำให้ธุรกิจ Cloud ขยายไปต่างประเทศง่ายขึ้น เห็นชัดๆ คือเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา Tencent ประกาศเปิดตัว Cloud Data Center แห่งแรกในซาอุดิอาราเบีย และยังมีอีกหลายแห่งทั้งในเอเชีย (ญี่ปุ่น เกาหลี และไทย) สหรัฐฯ และยุโรป คือการสร้างฐานทัพด้านโครงสร้างพื้นฐานระดับสูง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการรองรับความต้องการใช้งาน AI ในภูมิภาคนั้นๆ
ทั้งหมดนี้ คงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Tencent คือตัวตึง ด้าน AI
บทที่ 2 - Cloud: สายลมที่พยุงโลกดิจิทัล
ตัวแทน: Tencent Cloud – ปีกลมที่พยุงระบบดิจิทัลทั้งภูมิภาค
Cloud คือเบื้องหลังของทุกอย่างในโลกออนไลน์ ตั้งแต่แอปแชท เกม จนถึงระบบร้านค้าออนไลน์
ทำไม Cloud โตแรงในเอเชีย?
- AI ต้องการโครงสร้าง Cloud ระดับสูง เพราะ Cloud คือความยืดหยุ่น (เพิ่มลดพลังการประมวลผลได้ตามต้องการ) เป็นพื้นที่จัดเก็บ Big Data ที่ AI ต้องใช้ในการ Train ข้อมูล และช่วยลดต้นทุนสำหรับองค์กรขนาดเล็กถึงกลาง
- ความต้องการ Data Center พุ่งขึ้น อันนี้ยกตัวอย่างในไทยใกล้ๆ ที่คาดว่ารายได้ Data Center จะโตราว 9% ในปี 2569 จากการใช้ที่เพิ่มขึ้นในภาคการเงิน และค้าปลีกออนไลน์
จุดเด่นของ Tencent Cloud
- เชื่อมทุกบริการในเครือ Tencent (WeChat, เกม, โฆษณา)
- มีฐานลูกค้าธุรกิจใหญ่ในจีน–เอเชีย
- ได้แรงเสริมจากกระแส AI as a Service หรือการให้บริการ AI สำเร็จรูปบน Cloud โดยไม่ต้องลงทุนระบบเอง ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเล็กๆ เข้าถึง AI ได้ง่ายและเร็วขึ้น
เพราะฉะนั้นเมื่อ Tencent Cloud สยายปีกก็จะพัด “ลม” ที่มองไม่เห็น ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งภูมิภาค
บทที่ 3 - Gaming: ทะเลเงินที่ไร้ก้นบึ้ง
ตัวแทน: Tencent Games / Sea Limited
ดูจากภาพด้านล่างจะเห็นเลยว่าตลาดเกมในเอเชียมีผู้เล่นมากกว่าสหรัฐและยุโรป รวมกันเสียอีก แล้วมีผู้เล่นเยอะไม่พอ บริษัทผลิตเกมตัวเอ้ในเอเชียอย่าง Tencent Games ก็พัฒนาเกมติดตลาดถึงขั้นโกยรายได้มากที่สุดติด Top 5 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ถึง 2 เกม เลยทีเดียว
ที่มา: Newzoo (ภาพซ้าย) mobilegamer.biz (ภาพขวา)

ข้อมูลที่บอกว่าตลาดนี้โตไม่หยุด
- ฐานผู้เล่นเกมบนมือถือมหาศาล: ปี 2025 มีผู้เล่นเกมมือถือทั่วโลกกว่า 2,000 ล้านคน และคาดว่าเพิ่มเป็น 2,500 ล้านคนในปี 2030
- เกมเป็น “บริการ” ที่มีรายได้ต่อเนื่อง เช่น รายได้จากเอาโฆษณาไปใส่ในเกมหรือรายได้จากการซื้อของในเกม
- e-Sport โตจริงจัง ยกตัวอย่างงานแข่งเกม Free Fire ของ Sea Limited ปี 2025 มีผู้เข้าแข่งขันกว่า 619,778 ราย และมีเงินรางวัลรวมกว่า
1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โอกาสเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia – SEA)
- ประชากรที่กว่า 60% มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เล่นเกมมากที่สุด
- Smartphone กับ Internet เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- ปัจจุบันคนเต็มใจจ่ายเงินเล่นเกมมากขึ้น โดยเฉพาะในไทยที่มีการใช้จ่ายในเกมต่อคน (ARPU) สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ $393 ต่อคนในปี 2024
จังหวะนี้ เกมจึงไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นธุรกิจทำเงินมหาศาล ที่ทำให้
Tencent Games / Sea Limited โตแล้วโตอีก
บทที่ 4 - Semiconductor: รากฐานของโลกยุค AI
ตัวแทน: TSMC & SK Hynix
ง่ายๆ เลย ไม่มีชิป = ไม่มี AI, ไม่มีรถ EV, ไม่มี Smartphone, ไม่มี Data Center ซึ่งวันนี้เอเชียคือศูนย์กลางของการผลิตชิปทั้งโลก
ทำไม TSMC และ SK Hynix สำคัญมาก?
-
TSMC: โรงงานรับจ้างผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากไต้หวัน รับผลิตให้แบรนด์ดังทั้ง Apple, NVIDIA
-
SK Hynix ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำ (Memory Chip) รายใหญ่จากเกาหลีใต้ โดยเฉพาะชิป RAM และชิป HBM (High Bandwidth Memory) ประสิทธิภาพสูงที่ขาดไม่ได้สำหรับ AI และเซิร์ฟเวอร์.
ปัจจัยหนุน
- ความต้องการชิป AI พุ่งแรงตาม Trend AI แรงไม่แรงลองดูงบ NVIDIA ไตรมาส 3/2025 ที่เพิ่งออกมาก็ได้ รายได้โตถึง 62% แถมผู้บริหารยังออกมาบอกอีกว่าไตรมาส 4 รายได้จะโตต่อเนื่อง
- บริษัทกว่า 500 แห่งทั่วโลก เข้าคิวสั่งผลิตชิปจาก TSMC
- อุตสาหกรรมนี้ผู้เล่นใหม่ “เข้ามายาก” ลองคิดดูว่าต้องเข้ามาสู้กับ TSMC ที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% ก็หนาวแล้ว
วันนี้ ชิปเลยเป็น “รากฐาน” ของทุกเทคโนโลยี
และ TSMC & SK Hynix คือแกนหลักของรากนั้น
บทที่ 5: — e-Commerce: ทองคำดิจิทัลของเอเชีย
ตัวแทน: Sea Limited (Shopee)
e-Commerce Platform อันดับ 1 ในหลายประเทศแถบประเทศบ้านเรา (อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, สิงคโปร์, และประเทศไทย)
บอกได้ว่าหนีไม่พ้นเจ้านี้ Shopee [บริษัทในเครือ Sea Limited]
ปัจจัยหนุน
- คนซื้อของออนไลน์มากขึ้นทุกปี โดยตลาด e-Commerce ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 21% จนถึงปี 2033 เลยทีเดียว
- ระบบหลังบ้านที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถลดต้นทุนได้ ถ้าไปอ่านงบการเงินของ Shopee ย้อนหลัง จะเจอความคล้ายกัน 1 อย่างคือต้นทุนต่อคำสั่งซื่อเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชีย ของ SPX Express ปรับลดลงต่อเนื่อง ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาปรับลงเฉลี่ยไตรมาสละ 10% และไตรมาส 2/2025 ซึ่งเป็นไตรมาสล่าสุด ณ วันที่เขียน ต้นทุนปรับลดลง 5.1% YoY ซึ่งการลดต้นทุนต่อคำสั่งซื้อเฉลี่ยลงต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึง การจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของ ความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น (Profitability) ในระยะยาว
สรุปบทนี้ใน 1 ประโยค: ด้วยความครบเครื่อง e-Commerce ตัวตึง เลยต้องยกให้เจ้าใหญ่ในเอเชีย อย่าง Shopee
แนะนำหนังสือ — K-ATECH
อ่านมาจนถึงตอนนี้ทุกคนคงเห็นแล้วว่าแต่ละบท มี story ที่แข็งแกร่งแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคือมีโอกาส และความเย้ายวนชวนให้เป็นเจ้าของ ดังนั้นเชื่อว่าหลายคนคงเลือกไม่ได้ รักพี่เสียดายน้อง ทาง K WEALTH ขอนำเสนอหนังสือเล่มหนึ่งที่รวมครบทุกบทเอาไว้ ชื่อ “K-ATECH”
K-ATECH เป็นกองทุนหุ้นเทคฯ แนะนำของ K WEALTH ลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Pacific Technology Fund ซึ่งถือหุ้นแชมป์ของแต่ละอุตสาหกรรมอย่าง TSMC, SK Hynix, Tencent, Sea Limited ครบทุกธีมที่เราเล่ามา

ข้อดีของการถือ K-ATECH
- ได้ลงทุน ครบทั้ง 5 ธีมเทคเอเชีย
- กระจายความเสี่ยง ไม่ต้องเลือกเอง
- เกาะไปกับโอกาส “การเติบโตระยะยาวของเทคเอเชีย”
ถึงตรงนี้อย่ารอช้า หากคุณเชื่อในพลังแห่งเอเชียเทค หยิบ K PLUS เข้าเมนูลงทุนกันได้เลย!
ปล. กองทุนนี้ความเสี่ยงระดับ 6 การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
ปล.2 ศึกษารายละเอียดกองทุนได้ทาง K PLUS เช่นกัน
คลิก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: