อัปเดตเหล่าธุรกิจมาแรงของ Asia Tech ที่ใครหลายคนต่างมองว่า “ไม่ควรพลาด” ลงทุน

มัดรวมตัวตึงหุ้นเทคเอเชีย ครบจบที่นี่

อัปเดตเหล่าธุรกิจมาแรงของ Asia Tech ที่ใครหลายคนต่างมองว่า “ไม่ควรพลาด” ลงทุน

กดฟัง
หยุด
  • 5 อุตสาหกรรมหลักด้านเทคโนโลยีฝั่งเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น AI, Cloud, Gaming, Semiconductor และ e-Commerce มีตัวเป้งระดับภูมิภาคอย่าง Tencent, Sea Limited และ TSMC ขับเคลื่อนการเติบโต
  • การเติบโตของทุกอุตสาหกรรมไม่ได้มาเล่นๆ ตั้งแต่ AI ที่ทุกคนบนโลกต้องการใช้, Cloud ที่เป็นตัวพยุงระบบดิจิตัลทั้งหมด, เกมมือถือและ e-Sports ที่ทำเงินมหาศาล, e-Commerce ที่โตไม่หยุด ไปจนถึงความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด
  • กองทุน K-ATECH ช่วยให้นักลงทุนได้สัมผัสการลงทุนแบบ ครบทุกอุตสาหกรรมที่เล่ามาโดยไม่ต้องเลือกหุ้นหรือบริษัทเอง พร้อมกระจายความเสี่ยง ให้เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว

เทคโนโลยีในเอเชียกำลังโตแรงมาก ไม่แพ้สหรัฐฯ เพราะประชากรเยอะ ใช้ดิจิทัลกันทุกวัน ขับเคลื่อนเร็วจนต้องยอมรับว่าหลายบริษัทในภูมิภาคตอนนี้กลายเป็น “ผู้นำระดับโลกไปแล้ว”


เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองนึกภาพว่า “เอเชียเทค” เป็นหนังสือ 1 เล่ม ที่มี 5 บทสำคัญ แต่ละบทคือธุรกิจที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในตอนนี้ ได้แก่ AI, Cloud, เกม, ชิป และ e-Commerce ซึ่ง K WEALTH จะพาคุณไปดู Highlight สำคัญของทั้ง 5 บท พร้อมคำแนะนำว่าคุณจะสามารถเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร...


บทที่ 1 - AI: ไฟที่กำลังลุกโชนทั้งเอเชีย

ตัวแทน: Tencent Holdings

Tencent คือบริษัทจีน เจ้าของ WeChat ที่มีคนใช้มากกว่า 1,400 ล้านบัญชี ทำให้มี “ข้อมูลระดับประเทศ” ที่เอาไปต่อยอด AI ได้ดีกว่าใครในภูมิภาค

ทำไม Tencent ถึงเด่นใน AI?
  1. ลงทุนด้าน AI และระบบที่เกี่ยวข้อง มหาศาลกว่า 19.1 พันล้านหยวน
  2. มีการนำ AI ไปต่อยอด เสริมทุกธุรกิจ:
    • เกม (ทำให้ประสบการณ์คนเล่นเกมดีขึ้น) เช่น การเอา AI มาใช้ต่อต้านการโกง (AI-based cheat detection) ในเกมอย่าง PUBG Mobile และ Honor of Kings ที่ผลออกมาแล้วว่าจับโกงได้มากกว่า 99% และจับได้ในไม่กี่วินาที เกมที่ใช้ฝีมือวัดกันเพียวๆ ย่อมสนุกว่าการเล่นโกง จริงไหม?
    • โฆษณา (ทำให้ยิงตรงกลุ่มมากขึ้น) มีการใช้ Deep Learning เพื่อปรับรูปแบบโฆษณาส่งให้ผู้ใช้บน WeChat สามารถเพิ่มอัตราการคลิก (CTR) เฉลี่ยได้ 15-30% และเพิ่ม Conversion Rate หรืออัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ 5-10%
    • Cloud (เพิ่มประสิทธิภาพในภาพรวม) เช่น Tencent Cloud Intelligent Contact Center (TICC) ที่มีการใช้ AI ในการตอบคำถามลูกค้าเบื้องต้นผ่าน Chatbots และ Voicebots ผลก็คือสามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นได้กว่า 80% โดยที่ยังไม่ต้องถึงมือพนักงานเลยด้วยซ้ำ
โอกาสการเติบโต
  1. การใช้ AI ในธุรกิจเกมและโฆษณาช่วยสร้างประสิทธิภาพสูงขึ้น อันนี้เห็นภาพชัดจากงบไตรมาส 3 ที่เพิ่งประกาศออกมา

      a.รายได้เกมต่างประเทศ ซึ่งการแข่งขันสูงมาก เติบโตกว่า 43% YoY เป็นเครื่องยืนยันว่าการเอา AI มาใช้พัฒนาเกม และต่อต้านการโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง จนทำให้ธุรกิจเกมของ Tencent สามารถขยายฐานผู้เล่นได้มากขึ้นทั่วโลก

      b.รายได้จากธุรกิจโฆษณา (Marketing Services) เติบโต 21% YoY ถ้าไปอ่านรายละเอียดจะมีบอกเลยว่าเกิดจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำขึ้นด้วย AI-powered ad targeting


  2. ทำให้ธุรกิจ Cloud ขยายไปต่างประเทศง่ายขึ้น เห็นชัดๆ คือเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา Tencent ประกาศเปิดตัว Cloud Data Center แห่งแรกในซาอุดิอาราเบีย และยังมีอีกหลายแห่งทั้งในเอเชีย (ญี่ปุ่น เกาหลี และไทย) สหรัฐฯ และยุโรป คือการสร้างฐานทัพด้านโครงสร้างพื้นฐานระดับสูง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการรองรับความต้องการใช้งาน AI ในภูมิภาคนั้นๆ

ทั้งหมดนี้ คงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Tencent คือตัวตึง ด้าน AI


บทที่ 2 - Cloud: สายลมที่พยุงโลกดิจิทัล

ตัวแทน: Tencent Cloud – ปีกลมที่พยุงระบบดิจิทัลทั้งภูมิภาค

Cloud คือเบื้องหลังของทุกอย่างในโลกออนไลน์ ตั้งแต่แอปแชท เกม จนถึงระบบร้านค้าออนไลน์


ทำไม Cloud โตแรงในเอเชีย?
  1. AI ต้องการโครงสร้าง Cloud ระดับสูง เพราะ Cloud คือความยืดหยุ่น (เพิ่มลดพลังการประมวลผลได้ตามต้องการ) เป็นพื้นที่จัดเก็บ Big Data ที่ AI ต้องใช้ในการ Train ข้อมูล และช่วยลดต้นทุนสำหรับองค์กรขนาดเล็กถึงกลาง
  2. ความต้องการ Data Center พุ่งขึ้น อันนี้ยกตัวอย่างในไทยใกล้ๆ ที่คาดว่ารายได้ Data Center จะโตราว 9% ในปี 2569 จากการใช้ที่เพิ่มขึ้นในภาคการเงิน และค้าปลีกออนไลน์

จุดเด่นของ Tencent Cloud
  1. เชื่อมทุกบริการในเครือ Tencent (WeChat, เกม, โฆษณา)
  2. มีฐานลูกค้าธุรกิจใหญ่ในจีน–เอเชีย
  3. ได้แรงเสริมจากกระแส AI as a Service หรือการให้บริการ AI สำเร็จรูปบน Cloud โดยไม่ต้องลงทุนระบบเอง ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเล็กๆ เข้าถึง AI ได้ง่ายและเร็วขึ้น

เพราะฉะนั้นเมื่อ Tencent Cloud สยายปีกก็จะพัด “ลม” ที่มองไม่เห็น ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งภูมิภาค


บทที่ 3 - Gaming: ทะเลเงินที่ไร้ก้นบึ้ง

ตัวแทน: Tencent Games / Sea Limited

ดูจากภาพด้านล่างจะเห็นเลยว่าตลาดเกมในเอเชียมีผู้เล่นมากกว่าสหรัฐและยุโรป รวมกันเสียอีก แล้วมีผู้เล่นเยอะไม่พอ บริษัทผลิตเกมตัวเอ้ในเอเชียอย่าง Tencent Games ก็พัฒนาเกมติดตลาดถึงขั้นโกยรายได้มากที่สุดติด Top 5 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ถึง 2 เกม เลยทีเดียว


ที่มา: Newzoo (ภาพซ้าย) mobilegamer.biz (ภาพขวา)



ข้อมูลที่บอกว่าตลาดนี้โตไม่หยุด

  1. ฐานผู้เล่นเกมบนมือถือมหาศาล: ปี 2025 มีผู้เล่นเกมมือถือทั่วโลกกว่า 2,000 ล้านคน และคาดว่าเพิ่มเป็น 2,500 ล้านคนในปี 2030
  2. เกมเป็น “บริการ” ที่มีรายได้ต่อเนื่อง เช่น รายได้จากเอาโฆษณาไปใส่ในเกมหรือรายได้จากการซื้อของในเกม
  3. e-Sport โตจริงจัง ยกตัวอย่างงานแข่งเกม Free Fire ของ Sea Limited ปี 2025 มีผู้เข้าแข่งขันกว่า 619,778 ราย และมีเงินรางวัลรวมกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โอกาสเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia – SEA)

  1. ประชากรที่กว่า 60% มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เล่นเกมมากที่สุด
  2. Smartphone กับ Internet เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  3. ปัจจุบันคนเต็มใจจ่ายเงินเล่นเกมมากขึ้น โดยเฉพาะในไทยที่มีการใช้จ่ายในเกมต่อคน (ARPU) สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ $393 ต่อคนในปี 2024

จังหวะนี้ เกมจึงไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นธุรกิจทำเงินมหาศาล ที่ทำให้ Tencent Games / Sea Limited โตแล้วโตอีก


บทที่ 4 - Semiconductor: รากฐานของโลกยุค AI

ตัวแทน: TSMC & SK Hynix

ง่ายๆ เลย ไม่มีชิป = ไม่มี AI, ไม่มีรถ EV, ไม่มี Smartphone, ไม่มี Data Center ซึ่งวันนี้เอเชียคือศูนย์กลางของการผลิตชิปทั้งโลก


ทำไม TSMC และ SK Hynix สำคัญมาก?
  • TSMC: โรงงานรับจ้างผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากไต้หวัน รับผลิตให้แบรนด์ดังทั้ง Apple, NVIDIA
  • SK Hynix ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำ (Memory Chip) รายใหญ่จากเกาหลีใต้ โดยเฉพาะชิป RAM และชิป HBM (High Bandwidth Memory) ประสิทธิภาพสูงที่ขาดไม่ได้สำหรับ AI และเซิร์ฟเวอร์.

ปัจจัยหนุน

  1. ความต้องการชิป AI พุ่งแรงตาม Trend AI แรงไม่แรงลองดูงบ NVIDIA ไตรมาส 3/2025 ที่เพิ่งออกมาก็ได้ รายได้โตถึง 62% แถมผู้บริหารยังออกมาบอกอีกว่าไตรมาส 4 รายได้จะโตต่อเนื่อง
  2. บริษัทกว่า 500 แห่งทั่วโลก เข้าคิวสั่งผลิตชิปจาก TSMC
  3. อุตสาหกรรมนี้ผู้เล่นใหม่ “เข้ามายาก” ลองคิดดูว่าต้องเข้ามาสู้กับ TSMC ที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% ก็หนาวแล้ว

วันนี้ ชิปเลยเป็น “รากฐาน” ของทุกเทคโนโลยี และ TSMC & SK Hynix คือแกนหลักของรากนั้น


บทที่ 5: — e-Commerce: ทองคำดิจิทัลของเอเชีย

ตัวแทน: Sea Limited (Shopee)

e-Commerce Platform อันดับ 1 ในหลายประเทศแถบประเทศบ้านเรา (อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, สิงคโปร์, และประเทศไทย) บอกได้ว่าหนีไม่พ้นเจ้านี้ Shopee [บริษัทในเครือ Sea Limited]


ปัจจัยหนุน
  1. คนซื้อของออนไลน์มากขึ้นทุกปี โดยตลาด e-Commerce ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 21% จนถึงปี 2033 เลยทีเดียว
  2. ระบบหลังบ้านที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถลดต้นทุนได้ ถ้าไปอ่านงบการเงินของ Shopee ย้อนหลัง จะเจอความคล้ายกัน 1 อย่างคือต้นทุนต่อคำสั่งซื่อเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชีย ของ SPX Express ปรับลดลงต่อเนื่อง ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาปรับลงเฉลี่ยไตรมาสละ 10% และไตรมาส 2/2025 ซึ่งเป็นไตรมาสล่าสุด ณ วันที่เขียน ต้นทุนปรับลดลง 5.1% YoY ซึ่งการลดต้นทุนต่อคำสั่งซื้อเฉลี่ยลงต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึง การจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของ ความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น (Profitability) ในระยะยาว

สรุปบทนี้ใน 1 ประโยค: ด้วยความครบเครื่อง e-Commerce ตัวตึง เลยต้องยกให้เจ้าใหญ่ในเอเชีย อย่าง Shopee


แนะนำหนังสือ — K-ATECH

อ่านมาจนถึงตอนนี้ทุกคนคงเห็นแล้วว่าแต่ละบท มี story ที่แข็งแกร่งแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคือมีโอกาส และความเย้ายวนชวนให้เป็นเจ้าของ ดังนั้นเชื่อว่าหลายคนคงเลือกไม่ได้ รักพี่เสียดายน้อง ทาง K WEALTH ขอนำเสนอหนังสือเล่มหนึ่งที่รวมครบทุกบทเอาไว้ ชื่อ “K-ATECH”


K-ATECH เป็นกองทุนหุ้นเทคฯ แนะนำของ K WEALTH ลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Pacific Technology Fund ซึ่งถือหุ้นแชมป์ของแต่ละอุตสาหกรรมอย่าง TSMC, SK Hynix, Tencent, Sea Limited ครบทุกธีมที่เราเล่ามา



ข้อดีของการถือ K-ATECH

  1. ได้ลงทุน ครบทั้ง 5 ธีมเทคเอเชีย
  2. กระจายความเสี่ยง ไม่ต้องเลือกเอง
  3. เกาะไปกับโอกาส “การเติบโตระยะยาวของเทคเอเชีย”

ถึงตรงนี้อย่ารอช้า หากคุณเชื่อในพลังแห่งเอเชียเทค หยิบ K PLUS เข้าเมนูลงทุนกันได้เลย!

ปล. กองทุนนี้ความเสี่ยงระดับ 6 การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน

ปล.2 ศึกษารายละเอียดกองทุนได้ทาง K PLUS เช่นกัน คลิก


ขอขอบคุณข้อมูลจาก:



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTHจิรพัฒน์ จิรนิรันดร์กุล CFA

Back to top