คนอยากเที่ยวก็ต้องได้เที่ยว ถึงจะเที่ยวแบบเดิมไม่ได้แต่อย่างไรก็ต้องออกเที่ยว เป็นการคลายเครียด บรรเทาความอ่อนล้า ชาร์จแบตให้ร่างกายและจิตใจพร้อมกลับมาทำงานและใช้ชีวิตต่อ และจนกว่าเรากลับมาใช้ชีวิตแบบไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยได้ เทรนด์ Staycation จะยังอยู่กับเราไปอีกยาวๆแน่นอน ซึ่งปีนี้ Staycation แบบไหนฮิต แบบไหนอิน มาดูกันเลย

Localized Staycation สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในชุมชน

Staycation เป็นการท่องเที่ยวที่เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผู้คนได้สัมผัสสิ่ง ‘Unseen’ ที่อยู่ใกล้ตัว บางจังหวัดที่ไม่เคยเป็นจุดหมายปลายทางในใจล้วนมี ที่ท่องเที่ยวเด็ดๆรออยู่ เช่น หาดทรายทองศรีโคตรบูรณ์ จังหวัดนครพนม ที่เป็นหาดทรายน้ำจืดเลียบแม่น้ำโขงจะเห็นได้เฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคมเท่านั้น ว่ากันว่าช่วงพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดทรายน้ำจืดแห่งนี้สวยไม่แพ้ที่ไหนในโลกเลย

“
หากลองสำรวจดูดี ๆ เชื่อว่าต้องมีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ อีกมากมายที่ซ่อนตัวอยู่ รอให้ถูกค้นพบแน่นอน
“

HoCance: อีกสเตปของ Staycation ในโรงแรมหรู

HoCance เป็นคำสุด hype ของเกาหลี ในปีที่ผ่านมาใหมายถึง การพักผ่อนหย่อนใจในโรงแรม และใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ สปา ยิม ห้องอาหารและอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันโรงแรมหรูหลายแห่งออกแพ็กเกจเพื่อ HoCance โดยเฉพาะ เช่น “Staycation by M.O.” จากโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok ที่มาพร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัวและอาหารเช้า และปรับเวลาเช็กอิน-เช็กเอาต์ให้ยืดหยุ่นสุด ๆ

บางโรงแรมนำกระแส HoCance รวมกับไอเดีย Work from Home ออกแพ็กเกจรายเดือนให้ อยู่กันยาว ๆ สามารถใช้ชีวิต พักผ่อน และทำงานได้ในที่เดียว เช่น โรงแรม Sheraton Hua Hin Resort & Spa ก็มีแพ็กเกจ “Work from (Hotel in) Hua Hin” เริ่มต้นเดือนละ 25,000 บาท เฉลี่ยแล้วตกเพียงประมาณ 900 บาทต่อคืนเท่านั้น

Staycation at Home ทางเลือกของคนไม่อยากเดินทาง

Staycation at Home เป็นอีกเทรนด์ที่น่าสนใจสำหรับคนติดบ้าน เป็นการเปลี่ยนบ้านให้เป็นที่ พักผ่อนไปเลย จัดมุมพักผ่อนแยกจากพื้นที่ทำงานอย่างชัดเจน บางคนอาจเพิ่มกฎไม่ใช้ โทรศัพท์มือถือในมุมนี้ด้วย นอกจากนี้ อาจแบ่งอีกมุมไว้จัดสวนเล็กๆ มีอีกมุมสำหรับออก กำลังกาย ส่วนห้องน้ำและห้องนอนสามารถสร้างบรรยากาศของการผ่อนคลายได้ด้วยการ เปลี่ยนหลอดไฟให้เป็นสีนวล มีเทียนหอมกลิ่นที่ชอบ และเปิดเพลงคลอเบาๆ

เราสามารถเลือกวิธี Staycation ได้ตามไลฟ์สไตล์และงบประมาณที่มี โดยวางแผนไว้ก่อนได้ เช่น จะ Staycation ปีละ 2 ครั้ง ต้องใช้เงินประมาณ 60,000 บาท จากนั้นจึงทยอยออมเงิน ทุกเดือน เดือนละ 5,000 บาท ในกองทุนรวมความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีความผันผวนต่ำและให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากออมทรัพย์

ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เรามีเงินไป Staycation ได้โดยไม่กระทบเงินเก็บ และยังมีผลตอบแทนที่เป็นส่วนต่างนำไปลงทุนต่อยอดได้อีก