17 ส.ค. 59

เงินไม่พอเมื่อต้องจ่ายเบี้ยประกัน ทำอย่างไรดี

คะแนนเฉลี่ย

ประกัน

​​​​​​​​​​​เงินไม่พอเมื่อต้องจ่ายเบี้ยประกัน ทำอย่างไรดี


​​“การใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าเบี้ยประกัน ในช่วงเวลาผ่อนผันจะทำให้ขยายระยะเวลา

ในการจ่ายออกไปได้อีก 76-80 วันโดยไม่มีดอกเบี้ยจ่าย ” 

– K-Expert Advice


          เมื่อทำประกันมาได้ระยะเวลาหนึ่ง แล้วเกิดปัญหาไม่สามารถจ่ายเบี้ยประกันได้ทันตามกำหนด เช่น ตกงาน ทำให้ไม่มีเงินมาจ่ายค่าเบี้ยประกัน หรือเงินที่กันไว้สำหรับจ่ายเบี้ยประกัน แต่ในระหว่างทางมีเหตุฉุกเฉิน เกิดเจ็บป่วย หรือต้องซ่อมบ้าน ซ่อมรถ ต้องนำเงินออมมาใช้จ่าย ทำให้เมื่อถึงเวลาชำระค่าเบี้ยประกัน มีเงินไม่เพียงพอ ในกรณีเช่นนี้เราสามารถทำอย่างไรได้บ้างนั้น มาดูกันค่ะ


จ่ายเบี้ยประกันภัยในช่วงระยะเวลาผ่อนผัน
          เมื่อถึงวันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย แต่ผู้ทำประกันยังไม่ได้ชำระค่าเบี้ยประกัน ยังไม่ต้องเป็นกังวลว่ากรมธรรม์จะหมดความคุ้มครองลงนะคะ เนื่องจากบริษัทฯ จะมีระยะเวลาผ่อนผันให้ 31 วันนับแต่วันครบกำหนดชำระเบี้ยประกัน โดยผู้ทำประกันยังคงได้รับความคุ้มครองตามปกติ ซึ่งช่วงระยะเวลาผ่อนผันนี้ ผู้ทำประกันยังพอมีเวลาในการจัดหาเงินให้เพียงพอสำหรับจ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันได้ค่ะ หรือบางท่านมีบัตรเครดิตก็สามารถใช้บัตรเครดิตชำระค่าเบี้ยประกัน ก็ยังทำให้รอบบัญชีในการชำระเงินเลื่อนออกไปอีก ทำให้เกิดความคล่องตัวในการชำระเบี้ยประกันมากขึ้น

ขอเปลี่ยนแปลงงวดการชำระเบี้ยประกันภัย
          อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ทำประกันที่ชำระเบี้ยประกันไม่ไหว คือ ผู้ทำประกันสามารถขอเปลี่ยนแปลงงวดการชำระเบี้ยประกันได้ โดยทั่วไปการชำระเบี้ยประกันสามารถชำระเป็นรายปี หรือจ่ายเป็นงวดน้อยกว่า 1 ปี เช่น รายเดือน ราย 3 เดือน หรือ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับแบบกรมธรรม์ ซึ่งสามารถสอบถามงวดการชำระเบี้ยได้จากบริษัทฯ หรือตัวแทนประกันที่เราติดต่อด้วย หากเดิมผู้ทำประกันเลือกจ่ายเบี้ยเป็นรายปี สามารถทำหนังสือแจ้งบริษัทฯ ขอเปลี่ยนแปลงงวดการชำระเบี้ยประกัน ซึ่งช่วยให้ผู้ทำประกันไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันด้วยเงินก้อนใหญ่ แต่ค่อยๆ ทยอยจ่ายเบี้ยประกัน โดยได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ตามเดิม
อย่างไรก็ตาม ยิ่งผู้ทำประกันเลือกจ่ายเบี้ยประกันหลายงวดในแต่ละปีกรมธรรม์มากเท่าใด จำนวนเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดใน 1 รอบปีกรมธรรม์ ย่อมเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่าการเลือกจ่ายจำนวนงวดที่น้อยกว่า

          หากผู้ทำประกันไม่ได้ชำระค่าเบี้ยประกันในช่วงระยะเวลาผ่อนผัน บริษัทฯ จะนำเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ที่มีอยู่ในขณะนั้นหลังจากหักด้วยหนี้สินที่ค้างอยู่ มาชำระเบี้ยประกันแทนให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งบริษัทฯ จะคิดดอกเบี้ยทบต้น เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยใช้ในการคำนวณเบี้ยประกัน บวกอีก 2% ต่อปี ดังนั้น ผู้ที่ทำประกันอย่าลืมชำระเบี้ยประกันให้ทันก่อนสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผัน จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยนะคะ



ให้คะแนนบทความ

ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า

ธนาคารกสิกรไทย