ลงทุนในกองทุนไหนดี
ลดหย่อนภาษี 2568 ที่ใช่ที่สุด
สำหรับคุณ

ลงทุนในกองทุนไหนดี ได้ประโยชน์
ด้านการลงทุนและลดหย่อนภาษี 2568

ให้เราแนะนำกองทุน
RMF/ThaiESG
ที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ

ให้ K WEALTH ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจาก
ธนาคารกสิกรไทย
ช่วยแนะนำกองทุนที่เหมาะสมกับคุณที่สุดตาม ความต้องการ
และความเสี่ยงของคุณ

คำถามที่ 2/4

K WEALTH

ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน

ให้เราแนะนำกองทุน RMF/ThaiESG ที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ

ตามที่คุณสนใจ

เกร็ดความรู้ลดหย่อนภาษี

ประโยชน์ของกองทุน RMF / Thai ESG
  • ช่วยประหยัดหรือขอคืนภาษีได้ เช่น
    • เงินเดือน 50,000 บาท ขอคืนภาษีได้ประมาณ 10% ของเงินลงทุน
    • เงินเดือน 100,000 บาท ขอคืนภาษีได้ประมาณ 20% ของเงินลงทุน
  • ช่วยเพิ่มวินัยลงทุน ด้วยเงื่อนไขการลงทุนระยะยาว และลดความกังวลใจในการลงทุนด้วยเงินคืนภาษีที่เหมือนส่วนเพิ่มผลตอบแทนหรือเงินชดเชยในช่วงที่ขาดทุน
  • มีนโยบายการลงทุนและความเสี่ยงที่หลากหลาย เช่น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุนหุ้นไทย/หุ้นต่างประเทศ
  • สามารถปรับเปลี่ยนเงินลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ด้วยการสับเปลี่ยนกองทุน RMF ด้วยกัน หรือกองทุน Thai ESG/Thai ESGX ด้วยกัน ระหว่างที่ยังไม่ครบเงื่อนไขขายคืน
ทำความรู้จักกองทุน RMF
  • ต้องลงทุนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็ม
  • ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินทั้งปีที่เสียภาษี สูงสุดปีละ 500,000 บาท*
  • RMF ทุกกองทุนไม่จ่ายเงินปันผล เพื่อเน้นสะสมเงินไว้ใช้ยามเกษียณ
  • เหมาะกับคนที่อยากสะสมเงินพื่อเกษียณ หรือคนที่อายุมากกว่า 45 ปี และอยากลงทุนให้งอกเงย พร้อมกับลดหย่อนภาษี

หมายเหตุ :

  • กองทุน RMF + ประกันบำนาญ + กองทุนเกษียณอื่น (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข. กอช. และ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน) ใช้สิทธิรวมกันได้ไม่เกินปีละ 500,000 บาท
ทำความรู้จักกองทุน Thai ESG
  • เงินที่ลงทุน ต้องถืออย่างน้อย 5 ปีเต็ม (วันชนวัน) โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่อง
  • ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินทั้งปีที่เสียภาษี สูงสุดปีละ 300,000 บาท*
  • Thai ESG บางกองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผล ตอบโจทย์คนที่ต้องการเงินคืนระหว่างทาง
  • เหมาะกับคนที่ต้องการลงทุนสั้น ได้เงินคืนเร็ว และอยากลงทุนให้งอกเงย พร้อมกับลดหย่อนภาษี

หมายเหตุ :

  • กองทุน Thai ESG ใช้สิทธิได้ไม่เกิน 300,000 บาท ไม่รวมกลุ่มเกษียณอื่น
สูตรการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถูกอธิบายไว้ด้วยสูตรพื้นฐานดังนี้:

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา :

ภาษีที่เสีย = อัตราภาษี × เงินได้สุทธิ (เงินได้ทั้งหมด - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน)

  1. อัตราภาษี (Tax Rate)

    อัตราภาษีเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่ใช้คูณกับเงินได้สุทธิ (รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน)
    เพื่อคำนวณจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษี ประเทศไทยใช้อัตราภาษีแบบขั้นบันได
    ซึ่งรายได้ที่ต่างกันจะถูกคิดภาษีในอัตราที่ต่างกัน

  2. เงินได้สุทธิ (Net Income)

    คือจำนวนเงินที่เหลือหลังจากนำรายได้ทั้งหมดมาหักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
    ซึ่งค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนเหล่านี้เป็นสิทธิประโยชน์ที่รัฐให้เพื่อลดจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษี

    • เงินได้ทั้งหมด: รายได้ที่คุณได้รับตลอดปี เช่น เงินเดือน, โบนัส, รายได้จากธุรกิจ ฯลฯ
    • ค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายที่สามารถหักได้ เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ
    • ค่าลดหย่อน: ค่าลดหย่อนที่ได้รับสิทธิ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว คู่สมรส บุตร เบี้ยประกัน ฯลฯ

สูตรนี้จะช่วยให้คุณสามารถคำนวณภาษีเงินได้อย่างง่าย ๆ โดยเริ่มจากการนำ รายได้ทั้งหมด มาหัก ค่าใช้จ่าย และ
ค่าลดหย่อน เพื่อให้ได้ เงินได้สุทธิ หลังจากนั้นนำเงินได้สุทธินี้ไปคูณกับ อัตราภาษี เพื่อคำนวณจำนวนเงินภาษีที่ต้องจ่าย

โปรแกรมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
กรุณาเลือกหัวข้อ
แชทปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
สแกน QR Code โดยใช้ กล้องมือถือ หรือ LINE เพื่อดำเนินการต่อบน LINE KBank Live
kbanklive
โทรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
โทร. 02-8888888
call