เลือกซื้อกองทุนรวม หรือหุ้นกู้
ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ

ซื้อกองทุนอะไรดี? กองไหนดี? ซื้อหุ้นกู้ดีไหม
ให้เราช่วยตอบโจทย์ในทุกเป้าหมายการลงทุน
บนความเสี่ยงที่เหมาะกับคุณ เพื่อให้ลงทุนได้อย่างมั่นใจ

เลือกซื้อกองทุนรวม หรือหุ้นกู้ ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ เลือกซื้อกองทุนรวม หรือหุ้นกู้ ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ

ให้เราแนะนำ กองทุน
หรือหุ้นกู้ ที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ

เกร็ดความรู้นักลงทุนมือใหม่

กองทุนรวมและหุ้นกู้ต่างกันอย่างไร

นอกจากความแตกต่างด้านสินทรัพย์แล้ว ยังมีความแตกต่างอื่นอีก เช่น

1) ความแน่นอนของผลตอบแทน

  • หุ้นกู้ มักกำหนดดอกเบี้ยและวันได้เงินต้นคืน หากผู้ออกหุ้นกู้ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
  • กองทุนรวม ผลตอบแทนขึ้นกับสิ่งที่ลงทุน โดยไม่ทราบล่วงหน้า แม้บางกองทุนมีประมาณการผลตอบแทน แต่ก็ไม่ได้การันตีเสมอไป

2) ความคล่องตัวการซื้อขาย

  • หุ้นกู้ มักซื้อได้เฉพาะช่วงจองซื้อครั้งแรก และขั้นต่ำการลงทุนค่อนข้างสูง เมื่อลงทุนแล้วขายต่อได้ค่อนข้างยาก
  • กองทุนส่วนใหญ่ (เช่น ไม่ใช่ Term Fund) สามารถซื้อหรือลงทุนได้ทุกวันทำการ ขั้นต่ำมักอยู่ที่ 500 บาท สามารถขายคืนได้ทุกวันทำการ รอรับเงินประมาณ 1-4 วันทำการ

3) ความเสี่ยงที่จะไม่ได้เงินคืน

  • หุ้นกู้ หากบริษัทที่ออกไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหรือเงินต้นได้ การถือหุ้นกู้นั้นต่อไปก็มีความเสี่ยงว่าอาจไม่ได้รับคืนทั้งหมดหรือบางส่วนได้ แม้อยากขายต่อก็ยากที่จะมีคนมาซื้อ
  • กองทุนรวม เช่น กองทุนตราสารหนี้ มีการลงทุนหุ้นกู้ของหลายบริษัท แม้บางบริษัทประสบปัญหา ก็เพียงส่งผลให้ราคากองทุนปรับตัวลง โดยผู้ลงทุนสามารถขายคืนทั้งหมดหรือบางส่วน และรอรับเงินค่าขายคืนประมาณ 1-2 วันทำการได้
มือใหม่หัดลงทุน ยังไม่คุ้นกับความเสี่ยง
  • เริ่มต้นจากทางเลือกที่รู้ประมาณการณ์ผลตอบแทนอย่าง Term Fund หรือมีสัญญาจ่ายดอกเบี้ยที่ชัดเจนอย่าง พันธบัตร/หุ้นกู้ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากทั่วไป โดยมีอายุหรือระยะเวลาการลงทุนให้เลือกต่างกันตามช่วงเวลาที่จองซื้อ
  • หรือลองลงทุนในกองทุนเปิดตราสารหนี้แบบที่ซื้อขายได้ทุกวันทำการ ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ ในแต่ละวันราคาขึ้นลงไม่มากนักเทียบกับกองทุนประเภทอื่น เมื่อจำเป็นต้องใช้เงินรอรับเงินค่าขายคืน 1-2 วันทำการถัดจากวันที่ขายคืน
  • ควรแบ่งเงินส่วนที่ลงทุนได้ 3-5 ปีขึ้นไป ลงทุนในกองทุนผสม ที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายมีผู้จัดการกองทุนช่วยติดตามและจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอตามนโยบายที่ระบุไว้
  • สำหรับใครที่มีรายได้ต้องเสียภาษี เช่น เงินเดือน 26,000 บาทขึ้นไป การลงทุนกองทุน SSF หรือกองทุน RMF ที่เป็นกองทุนผสมหรือกองทุนหุ้นเหมาะกับการลงทุนระยะยาว จะเป็นตัวช่วยให้รู้จักผลตอบแทนจากการลงทุน โดยจะไม่รีบร้อนขายคืนกองทุนก่อนครบเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด
มือใหม่จัดพอร์ตยังไงดี

ซื้อตามยังไงก็ติดดอย ที่ไม่ซื้อก็ขึ้นสวน ในเมื่อลงทุนแบบนี้แล้วไม่เห็นผล บทความนี้ขอชวนนักลงทุนมือใหม่มาลองใช้การจัดพอร์ตแก้ปัญหาด้วยขั้นตอนดังนี้

  • เริ่มด้วยกำหนดเป้าหมายการลงทุน และระยะเวลาที่ชัดเจน โดยมีผลต่อการเลือกสินทรัพย์ให้เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมายของพอร์ต ต่อด้วยสำรวจตนเอง คือการพิจารณาความเสี่ยงของการลงทุนที่ยอมรับได้
  • ขยับมาที่เงินในกระเป๋ากัน นักลงทุนต้องจัดสรรเงินสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน เมื่อมีเป้าหมายและจัดสรรเงินแล้วก็จัดพอร์ตให้ตรงกับเป้าหมาย เช่น คุ้มครองเงินลงทุนก็ใช้พอร์ตเสี่ยงต่ำเน้นตราสารหนี้ หรือต้องการเพิ่มมูลค่าเงินลงทุน ใช้พอร์ตเเสี่ยงสูงเน้นหุ้น เป็นต้น
  • สุดท้ายนักลงทุนต้องติดตามและปรับสัดส่วนพอร์ต ดูว่าพอร์ตเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ และปรับสัดส่วนให้ตรงกับเป้าหมาย
  • แต่หากนักลงทุนที่ไม่มีเวลาพอติดตามพอร์ตลงทุน ตอบโจทย์ด้วยบริการ Wealth PLUS บน K PLUS ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนมือใหม่ ด้วยตัวช่วยวางแผนการลงทุน แนะนำการลงทุนที่เหมาะสม เริ่มลงทุนเพียง 1,000 บาทและเลือกลงทุนรายเดือนอัตโนมัติ เริ่มต้น 500 บาท พร้อมบริการปรับสัดส่วนกองทุนทุก 3 เดือน และฟีเจอร์ควบคุมความเสี่ยงติดลบหนัก ลงทุนได้ทุกสถานการ์ณแม้ช่วงตลาดผันผวน
2/7

ลงทุน เงินงอกเงย

ลงทุนมั่นใจกับกสิกรไทย
เราจะคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะที่สุดให้กับคุณ

เลือกซื้อกองทุนรวม หรือหุ้นกู้ ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ เลือกซื้อกองทุนรวม หรือหุ้นกู้ ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ