Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

​​ เดือนกุมภาพันธ์ เดือนที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศของการส่งความรู้สึกดี ๆ ให้คนสำคัญของคุณ การได้สร้างช่วงเวลาแห่งความสุขภายใต้บรรยากาศแสนพิเศษ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว ในวันนี้ The Explorer จึงขอมาแนะนำ 5 ร้านอาหารนานาชาติชื่อดังที่จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ไม่อาจลืม



LE VIPA
Address : ซอยวิภาวดีรังสิต 60 แยก 18-1-2 กรุงเทพฯ
Open : วันศุกร์ - วันพุธ เวลา 17.00 – 24.00 น.
Tel : 080-7474487​ | Facebook : Le Vipa

ร้านอาหารฝรั่งเศสในสไตล์ French-European ร้านอาหารระดับมาสเตอร์พีชของกับตันแหลม เรืออากาศโท นภสูร ชยันตรดิลก และ เชฟกิตติวงศ์ แสงชื่นถนอม ผู้หลงใหลในการทำอาหาร มากด้วยประสบการณ์จากร้านอาหารในประเทศอังกฤษ ได้มาสร้างสรรค์ประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟหนึ่งเดียวในย่านวิภาวดี-รังสิต โดยตัวร้านได้จัดทำออกมาเป็นบ้านในสไตล์ทิวดอร์ ในพื้นที่กว้างขวาง และ เงียบสงบราวกับหลุดเข้าไปเยือนปราสาทหลังเล็ก ๆ ในยุโรปเลยทีเดียว



สำหรับเมนูอาหารที่อยากจะแนะนำ เริ่มต้นกันด้วย "Black Cod" หรือ ปลาหิมะย่างด้วยแชมเปญจนได้ความหอมเวลารับประทาน ตัวเนื้อปลาด้านนอกมีความกรอบเพิ่มรสสัมผัสในขณะที่ภายในยังคงความฉ่ำของเนื้อปลาเอาไว้ได้อย่างดี โดนเสิร์ฟพร้อมหนังปลา อิคุระหรือไข่ปลาแซลมอน ซอสแชมเปญ ากนี้ยังมีแครอตพูเล และ เบซิลออยลที่เมื่อรับประทานคู่กันแล้วเข้ากันได้เป็นอย่างไร



ถัดมากับเมนูสุดสร้างสรรค์ด้วยไอเบอริโกแฮม เบลลอตต้า สุดยอดแฮมระดับพรีเมียมจากสเปน อย่างเมนู Iberico Pasta ที่นำเส้นพาสต้ามาผัดในสไตล์ A.O.P หรือการนำมาผัดกับกระเทียม น้ำมัน และ พริก ตัดรสด้วยมะเขือเทศแห้ง และ ไอเบอริโกแฮมพระเอกของเมนูนี้นั่นเอง



อีกหนึ่ง Signature Menu ที่สายเนื้อไม่ควรพลาดกับ สเต็กวากิว A5 เนื้อวัวชุ่มฉ่ำที่ย่างมาในระดับมีเดียมแรร์ พร้อมเพิ่มรสสัมผัสอื่น ๆ ด้วยเครื่องเคียงอย่างผักนานาชนิด



CROSS
Address : บางกอกสแควร์ กรุงเทพฯ
Open : วันอังคาร - วันศุกร์ เวลา 18.30 – 21.00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 12.00 – 14.30 น. และ 18.30 – 21.00 น.
Tel : 097-2459899 | Facebook : crossbkk2021
จะต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้า ติดตามช่องทางการสำรองที่นั่งได้ผ่าน Facebook ของทางร้าน

​Cross BKK ประกาศปิดให้บริการในวันที่ 1 – 15 กุมภาพันธ์ 2566
และจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2566

ร้านอาหารสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งอาหารจีน เกิดขึ้นจากสองพี่น้องทายาทรุ่นที่สามของ รื่นรสภัตตาคาร ด้วยความอยากทำอาหารจีนที่สามารถรับประทานได้ทั้งคนรุ่นเก่า และ รุ่นใหม่ จึงเริ่มนำเข้าวัตถุดิบชั้นยอด แปลกใหม่เปลี่ยนอาหารจีนให้ดูหรูหราร่วมสมัย ภายใต้เทคนิคการปรุงแบบฝรั่งเศส จนเกิดมาเป็นเมนู 11 คอร์สแบบตะวันตกที่รับประทานง่าย แต่ยังคงรักษาไว้ซึ่งรสชาติแบบจีนต้นตำรับ ถ่ายทอดเสน่ห์ของอาหารจีนเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ



โดยเมนู 11 คอร์สของทางร้าน จะแบ่งออกเป็น 4 องก์เลียนแบบโต๊ะจีน ซึ่งประกอบด้วย ออร์เดิร์ฟ ซุป เมนคอร์ส และ ของหวานตามลำดับ โดยความอร่อยในองก์แรก คือ ไข่ตุ๋นปู ไข่นุ่มเนื้อเนียนผสมผสานน้ำซุปแบบจีน แต่งหน้าด้วยปูสามเนื้อสัมผัส ทั้ง ส่วนอกสีขาว เนื้อสีเข้มของเนื้อก้าม และ ไข่ปูสุกกำลังดี ให้ความอร่อยรสชาติละมุม ก่อนจะเข้าสู่องก์ที่สองเป็น ซุปกระเพาะปลา ที่เป็นน้ำซุปกระดูกไก่ เสิร์ฟพร้อมกระเพาะปลาชั้นดี ผสมผสานด้วยสมุนไพรจีนโบราณที่ทำให้ได้น้ำซุปรสกลมกล่อม ไร้กลิ่นคาว อีกทั้งยังเพิ่มสัมผัสด้วยหอยเชลล์แห้งที่ให้สัมผัสกรอบ เด้งเวลารับประทาน



สำหรับองก์ที่สาม เมนคอร์ส กับเมนูที่อยากแนะนำ คือ ปลาเก๋าแดงราดซีอิ๊ว ที่นำปลาเก๋าแดงไปย่างเฉพาะด้านหนังให้กรอบ และ นำไปอบต่ออีก 4 นาที ราดด้วยน้ำซีอิ๊วในแบบฉบับของจีน ตกแต่งให้ออกมาแบบหน้าตาแบบอาหารตะวันตกด้วยการเปลี่ยนหอมซอยเป็นแผ่นปะการังต้นหอมทอด เปลี่ยนขิงสับเป็นน้ำมันขิง และ เพิ่มแครอมพิวเรที่ด้านล่างปรับหน้าตาของเมนูได้อย่างน่าสนใจแต่คงไว้ซึ่งรสชาติแบบอาหารจีนแท้ ๆ ได้เป็นอย่างดี สุดท้ายกับองก์ที่ 4 อย่าง บัวลอยน้ำขิง ที่เสิร์ฟมาในรูปแบบเย็นด้วยแป้งโมจิห่อไอศกรีมงาดำ เคียงด้วยวิปครีมน้ำขิงที่มีรสชาติเผ็ดร้อน เมื่อรับประทานคู่กันจะได้ความกลมกล่อมเข้ากันได้เป็นอย่างดี​



JHOL COASTAL INDIAN CUISINE
Address : ซอยสุขุมวิท 18 กรุงเทพฯ
Open : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.30 – 22.30 น.
Tel : 02-0047174 | Facebook : JHOLbkk

บ้านหลังเก่าใต้เงาร่มรื่นของค้นใหม่ใหญ่ ที่บรรยากาศภายในนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมอินเดีย เป็นที่ตั้งของร้านอาหารอินเดียสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่ง การันตีความอร่อยด้วยรางวัล MICHELIN GUIDE ส่งท้ายปี 2022 ที่รังสรรค์ความอร่อยโดยเชฟชาวอินเดียชื่อดัง “ฮาริ นายัก (Hari Nayak)” ที่ได้นำอาหารอินเดียในแถบตอนใต้มารังสรรค์เป็นเมนูต่าง ๆ ภายในร้าน ซึ่งเซฟฮาริบอกว่า อาหารไทยโดยเฉพาะอาหารใต้ยังมีรสชาติที่ใกล้เคียงกับอาหารบางชนิดในรัฐทางตอนใต้ของอินเดียอีกด้วย 



อาหารอินเดียที่เชฟฮารินำมาเสนอนั้น มีวัตถุดิบหลัก ๆ อยู่ 2 ประเภท คือ มะพร้าว และ ซีฟู้ด รวมไปถึงแป้งโดซา (Dosa) ที่ทำมาจากข้าวผสมถั่ว ที่เนื้อแป้งมีความนุ่มบางคล้ายแป้งเครป ส่วนรสชาติอาหารนั้นจะเน้นไปในทางเผ็ดร้อน เริ่มต้นเปิดรับรสชาติแห่งอินเดียด้วยเมนูที่มีเสิร์ฟที่ร้านนี้ที่เดี่ยวอย่าง Masala Maska Bun ขนมปังอบใหม่สอดไส้เครื่องเทศมาซาลา กับมันฝรั่งบด โดยมีเนยเปา บาจี สีเหลืองเข้มโรยผงเครื่องเทศเสิร์ฟมาให้รับประทานคู่กัน 



อีกเมนูที่อยากแนะนำ คือ Bubbles กรวยคู่ขนาดเล็กที่ปักมาบนถั่วเขียว ภายในอัดแน่นด้วยมันฝรั่งบดกับมาซาลา พร้อมท็อปปิ้งด้านบนด้วยเครื่องปรุงรสสไตล์อินเดีย โดยทางร้านเลือกใช้ชัทนีย์มะเขือเทศที่มีรสเปรี้ยวนิด ๆ จึงเป็นเมนูที่ให้รสสัมผัสหลากหลาย ทั้งความกรุบกรอบเค็มมันผสานเผ็ดก่อนจะตัดด้วยรสเปรี้ยวที่รวมกันอยู่ภายในคำ ๆ เดียว



สำหรับจากหลักที่อยากจะแนะนำ คือ Ghee Roast Chicken ไก่ผัดกับเครื่องเทศและเนยรสเผ็ดจัดจ้าน ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับแป้งคริสปี้โดซาที่ทำออกมาเป็นรูปทรงโดม และ ชัทนีย์มะพร้าว โดยจะต้องฉีกแผ่นแป้งเป็นชิ้นพอดีคำ ปาดชัทนีย์และตัดไก่ผัดวางเป็นชั้นสุดท้าย ที่จะทำให้คุณได้รสชาติแห่งอาหารชายฝั่งทะเลอินเดียตอนใต้ได้อย่างถึงเครื่อง



THE G.O.A.T GREATEST OF ALL TIME
Address : ซอยเอกมัย 10 แยก 2 กรุงเทพฯ
Open : วันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา 18.00 - 23.00 น.

อีกหนึ่งร้านอาหารสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่ง ที่ให้คุณได้รับประทานอาหารภายใต้บรรยากาศสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ภายนอกโดดเด่นด้วยกำแพงสีน้ำเงินโคบอลต์กับบานประตูไม้สไตล์จีนโบราณ ต้อนรับอย่างตื่นตาด้วยภาพวาดด้านใน อีกทั้งยังมีสัญลักษณ์มงคลของจีนต่าง ๆ อยู่ในทุกการตกแต่งไม่เว้นกระทั่งเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโครงสร้างอาคารจนได้บรรยากาศที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร



สำหรับเมนูอาหารของร้านถูกนิยามได้ว่าเป็น Off-Beat Asian Cuisine ที่เน้นรสสัมผัสที่คุ้นเคย สำหรับเมนูแนะนำจานแรก คือ Those Look Delicious ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมครก ที่เลือกใช้แป้งแบบเดียวกับขนมครก ส่วนด้านในใช้ปูม้าจากสุราษฎร์ธานี คลุกเคล้ารวมกับยอดมะพร้าวอ่อนดอง ใบชิโสะ สาหร่ายดอง ตามด้วยส้มจี้ดด้านบน แทนที่ฝอยทองด้วยบาฟุนอูนิ ส่วนหน้าปลาแห้งเปลี่ยนเป็นอิคุระ ทั้งหมดเสิร์ฟมาในโคนไอศกรีมที่ทำให้ได้รสสัมผัสกรุบกรอบขณะรับประทาน



เมนูถัดมาเป็นการผสานวัตถุดิบที่ไม่เคยนำมาปรุงร่วมกัน แต่ได้รสชาติที่อร่อยเข้ากันได้อย่างลงตัวเหมือนชื่อเมนู คือ A Perfect Combination ที่ส่วนล่างสุดจะเป็นขนมกุยช่ายราดด้วย Sticky Soya Sauce ต่อมาเป็นหอยเชลล์จากจังหวัดตรังที่นำมาเซียร์กับพริกดอง ชั้นที่สามคือไข่แดงดิบออร์แกนิก สุดท้าย คือ ชั้นโฟมเห็ดชิตาเกะ ก่อนจะโรยด้วยผงชะครามที่ให้รสเค็มมัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีหลากหลายรสสัมผัส ที่แต่ละเลเยอร์มีรสชาติที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี

​เมนูของทางร้านจะนำเสนอออกมาโดยมีธีมในแต่ละครั้ง ซึ่งจะสับเปลี่ยนไปในทุก ๆ 5 – 6 เดือนตามวัตถุดิบ และ ฤดูกาล



984 WOLF
Address : ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 17 แยก 7 กรุงเทพฯ
Open : วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 17.00 – 21.30 น.
Tel : 080-9394973 | Facebook : WOLF984Bangkok

ปิดท้ายกับร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นยูโรเปียนที่ทวิสต์เข้ากับอาหารญี่ปุ่น โดยมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือ กรรมวิธีการปรุงจากไฟ และ ฟืนเป็นหลัก ภายในร้านตกแต่งด้วยแผ่นไม้เผาผิวจนไหม้สไตล์ Ya-Kisugi ตามภูมิปัญญาชาวญี่ปุ่น อีกทั้งทางร้านยังให้ความสำคัญกับการจัดแสงอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณชั้น 2 ที่ให้บรรยากาศแสนโรแมนติกเป็นอย่างยิ่ง



แต่ละเมนูของร้านจะคัดสรรเฉพาะวัตถุดิบที่สดใหม่ ปราศจากอาหารแช่แข็งทุกประเภท แม้จะมีเมนูไม่มากแต่ได้ผ่านกระบวนการคิดมาอย่างซับซ้อน นำเสนอมาบนภาชนะที่สั่งทำพิเศษ เพื่อเสริมให้หน้าตาของอาหารน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเมนูที่อยากแนะนำ คือ Foie Gras & Blueberry ที่นำเสนอมาในชิ้นเล็กพอดีคำ ให้สัมผัสกรุบกรอบของขนมปังบริยอชโทสต์ ผสมผสานกับฟัวกราส์นุ่มชุ่มลิ้น พร้อมบลูเบอร์รีมาช่วยตัดรสชาติ



ต่อมา คือ Uni Toast ขนมปังชาวโดวจ์ที่ย่างบนเตาถ่านจนกรอบหอม ราดด้วยซอสไข่ที่ดองกับมิริน และ โชยุข้ามวัน ด้านบนท็อปปิ้งด้วยไข่หอยเม่นทะเล อากะอูนิ สายพันธ์ที่ดีที่สุดที่มีรสนุ่มหวานละมุน ที่มาพร้อมกลิ่นอายของท้องทะเล



เมนูเด็ดไม่ซ้ำใครที่อยากให้ได้ลิ้มลอง อย่าง Arroz ที่นำไอเดียของข้าวต้มรอบดึก มาต่อยอดด้วยกรรมวิธีการทำเบสซุปคล้ายกับล็อบสเตอร์บิสค์ แต่ใช้ข้าวญี่ปุ่นโคชิฮิคาริมาต้มในหม้อเหล็ก พร้อมเครื่องซีฟู้ดจัดเต็ม เช่น ปลาหมึกหิ่งห้อยโฮตารุอิกะ ปลาคินเมไดย่างเตาถ่าน หอยเชลล์สดเนื้อหวาน หอยเป่าฮื้อ และ ล็อบสเตอร์ตัวยักษ์ที่มีเนื้อนุ่มเด้ง โดยเมนูนี้มีให้เลือก 3 ขนาดตั้งแต่รับประทาน 1 – 2 คน จนถึงสามารถรับประทานร่วมกันได้ 6 – 8 คนเลยทีเดียว เรียกได้ว่าทุกเมนูของทางร้าน คือ การทวิสต์ความอร่อยที่ให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารกับครอบครัวออกมาพิเศษกว่าที่เคย

เรียกได้ว่าประกอบไปด้วยร้านอาหารที่มีบรรยากาศอันแสนพิเศษ ให้คุณได้ดื่มด่ำไปพร้อม ๆ กับเมนูแสนอร่อย และเนื่องในโอกาสของเดือนแห่งความรัก The Explorer ขอให้ทุกท่านได้พบกับประสบการณ์อันน่าจดจำ และ มีความสุขค่ะ

 


กลับ