Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

        ​​​นับว่าเป็นปีแรกที่โลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคหลัง C0VID-19 อย่างเป็นทางการ ดังนั้นในวันนี้ Life and Wealth จะขอรวบรวม 5 เทรนด์การท่องเที่ยวประจำปี 2023 จากสื่อการท่องเที่ยวชื่อดั่งของต่างประเทศอย่าง  New York Post พร้อมปักหมุดหมายภายในประเทศไทยที่คุณสามารถเปิดประสบการ์ณเทียวแสนประทับใจได้โดยไม่ต้องบินไกล




ตามรอยกองถ่ายหนังดังของโลก

ภาพยนตร์โปรด คือ ความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งของคนในยุคปัจจุบัน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นแรงบันดาลใจในชีวิตประจำวันหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น เพลงประกอบที่ แบรนด์สินค้าที่ตัวละครสวมใส่ รวมไปถึงสถานที่ภายในภาพยนตร์ ที่กลายมาเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวในปีนี้ ที่จะทำให้คุณได้พักผ่อนไปกับสถานที่สวยงามพร้อมกับการได้ชื่นชมมุมหนึ่งจากภาพยนตร์เรื่องโปรด ซึ่งภายในประเทศไทยเองก็มีสถานที่ต่าง ๆ ให้คุณได้ตามรอยภาพยนตร์อันแสนโด่งดังได้



Star Wars: Episode III - Revenge of The Sith

ภาพยนตร์ยอดฮิตตลอดกาลอย่าง Star Wars เคยมีการถ่ายทําในประเทศไทยด้วย Star Wars: Episode III - Revenge of The Sith ใช้ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์ 2 ทีม โดยทีมหนึ่งอยู่ที่กุ้ยหลินในประเทศจีน และ อีกทีมอยู่ที่กระบี่กับภูเก็ตในประเทศไทย โดยมีเขาหินปูนที่อยู่ในอ่าวพังงาที่ถูกใช้ตอนถ่ายทําฉากการตอนสู้ของ Kashyyyk ซึ่งเป็นบ้านของวูกีนั่นเอง​

การเดินทาง :
    • ​นั่งเรือบริการนำเที่ยวซึ่งออกจากท่าเรือท่าด่านศุลกากร, ท่าเรือสุระกุล หรือท่าเรือกระโสม และท่าเรือในบริเวณอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา


Bridget Jones: The Edge of Reason
เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในประเทศไทย และ ได้นักแสดงชื่อดังอย่าง Renee Zellweger มาแสดงนำ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคต่อของ Bridget Jone’s Diary ซึ่งในภาพยนตร์ได้มีฉากที่ถ่ายทำในประเทศไทยด้วย โดยภูเก็ต บริเวณหาดในยาง คือ หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภายในเรื่องนั่นเอง

การเดินทาง :
    • ​นั่งเรือบริการนำเที่ยวซึ่งออกจากท่าเรือท่าด่านศุลกากร, ท่าเรือสุระกุล หรือท่าเรือกระโสม และท่าเรือในบริเวณอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา



Six Sense Koh Yao Noi
  • Address : 56 เกาะยาวน้อย อําเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา 82160
  • Tel : 076-418500Website : www.sixsenses.com
  • สำรองห้องพัก : www.sixsenses.com

สำหรับที่พักเมื่อมาเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ในบริเวณนี้ ขอแนะนำให้พักที่โรงแรม Six Sense Koh Yao Noi รีสอร์ทหรูพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดดเด่นด้วยห้องพักทุกห้องเป็นแบบ Pool Villa ที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และ ให้ความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังเป็นรีสอร์ทที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลักอีกด้วย
ภาพจาก : www.sixsenses.com



Lisness พักผ่อนได้ พร้อมงานไม่หยุดเดิน

Lisness คือการผสมผสานระหว่างคำว่า Leisure และ Business ดังนั้นจึงหมายถึงการวางแผนการเดินทางที่เน้นการพักผ่อน แต่ยังมีการแบ่งเวลาในช่วงท่องเที่ยวเล็กน้อยเพื่อมาทำงาน เน้นจุดหมายเป็นสถานที่ที่สามารถตอบโจทย์การพักผ่อนแบบ Long Stay ได้ ซึ่งเทรนด์นี้เป็นการขยายต่อจาก Work from Anywhere แต่เป็นการเน้นที่การท่องเที่ยว เข้าถึงจุดหมายปลายทางได้มากกว่า โดยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องงานเมื่อสิ้นสุดทริปนั่นเอง

โดยภายในประเทศไทยเองก็มีโรงแรมหรูมากมายที่ได้ตระหนักถึงเทรนด์การพักผ่อน และ ทำงานนอกออฟฟิศ พร้อมจัดโปรแกรม Long Stay เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในการพักผ่อนระยะยาว เช่น



Four Seasons Resort Koh Samui
Address : 219 สุราษธานี 84140 | Tel : 077-243000
Website : www.fourseasons.com | สำรองห้องพัก : www.fourseasons.com/kohsamui

โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่บนเกาะสมุย สถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสหาดทรายขาวพร้อมน้ำทะเลใส เหมาะแก่การพักผ่อนเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ก็เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถให้คุณได้แบ่งเวลามาทำงานอย่างครบครัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการพักผ่อนของคุณจะราบรื่น การทำงานไม่ติดขัดสบายใจได้ตลอดทริปนั่นเอง
ภาพจาก : www.fourseasons.com



COMO Point Yamu Phuket
Address : 225 ตําบลป่าคลอก อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83110 | Tel : 076-360100
Website : www.comohotels.com/thailand/como-point-yamuสำรองห้องพัก : www.comohotels.com​

อีกหนึ่งโรงแรมหรูที่ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไม่นาน โดยที่โรงแรมแห่งนี้โอบล้อมด้วยทะเลที่สงบเงียบ บนแหลมยามูของภูเก็ต ภายในโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมจากดีไซน์เนอร์ชาวอิตาเลียน ที่ออกแบบสไตล์ร่วมสมัย พร้อมใช้เทคนิคศิลปะแบบไทย ของวัฒนธรรมท้องถิ่นมาผสมผสานจนมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทำให้คุณสามารถทำได้อย่างเป็นส่วนตัว
ภาพจาก : www.comohotels.com



ความยั่งยืนยังนิยมต่อเนื่อง

Sustainability จะยังได้รับความนิยมที่มากขึ้นไปในอนาคตหลังจากนี้ เพราะ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผู้คนต่างให้ความใส่ใจในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งทำให้โรงแรมหรูต่างให้ความใส่ใจ และ ปรับตัวให้เกิดเป็น Sustainable Hotel ขึ้น ซึ่งในประเทศไทยได้มีโรงแรมสุดหรูรักษ์ธรรมชาติให้คุณได้ไปผ่อนคลายด้วยเช่นเดียวกัน



Anantara Golden Triangle Elephant Camp
Address : 229 ตําบลเวียง อําเภอเชียงแสง จังหวัดเชียงราย 57150 | Tel : 053-784084
Website : www.anantara.comสำรองห้องพัก : www.anantara.com
โรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาวในเครืออนันตราที่ตั้งอยู่จังหวัดเหนือสุดของประเทศไทยอย่างเชียงราย ที่จะพาคุณไปใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบเอ็กซ์คลูซีฟ บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ ท่ามกลางผืนป่าบนสามเหลี่ยมทองคำ ภายในรีสอร์ทถูกออกแบบให้เป็นหมู่บ้านควาญช้างแบบดั้งเดิม กลมกลืนไปกับธรรมชาติ และ มีห้องพักให้เลือกมากกว่า 61 ห้องพัก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอย่างครบครัน เพื่อความสะบายอย่างถึงที่สุด



นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ได้ใกล้ชิดกับช้างที่อยู่ตามธรรมชาติ ณ ปางช้างที่ได้รับรางวัลของทางโรงแรมไม่ว่าจะเป็น การเดินทางร่วมกับช้าง หรือ การปิคนิคด้วยอาหารรสเลิศระหว่างที่ช้างตัวใหญ่อยู่ใกล้ ๆ ที่สำคัญยังสามารถเรียนรู้การทำอาหารเป็นยาสำหรับช้างแก่ หรือ การช่วยเหลือช้างผ่านมูลนิธิช้างเอเชียสามเหลี่ยมทองคำ (GTAEF) ได้อีกด้วย
ภาพจาก : www.anatara.com/th/golden-triangle-chiang-rai



JW Marriott Phuket Resort & Spa
Address : 231 ตําบลไม้ขาว อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83110 | Tel : 076-338000
Website : www.marriott.comสำรองห้องพัก : www.marriott.com

อีกหนึ่งโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวจากเครือ Marriott  ตั้งอยู่บริเวณหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นหาดกว้างที่ค่อนข้างเงียบสงบ เพราะ เป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติสิรินารถ ทำให้การมาพักผ่อนนั้นมีความเป็นส่วนตัวอย่างมาก นอกจากนี้ทางโรงแรมยังได้เตรียมกิจกรรมทางทะเลให้ผู้เข้าพักได้สนุกสนาน อย่าง เรือคายัค แพดเดิ้ลบอร์ด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ยกเว้นการเรียนดำน้ำที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)



นอกจากนี้ด้วยความร่วมมือกับศูนย์ฟื้นฟู และ ศึกษาเต่าทะเลไม้ขาว และ ศูนย์ชีววิทยาทางทะเลภูเก็ต JW Marriott Phuket ได้เปิดโรงแรม The Turtle Shelter ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการดูแลเต่าที่บาดเจ็บในพื้นที่หาดไม้ขาวโดยเฉพาะ ซึ่งผู้เข้าพักสามารถเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์เต่าทะเล อีกทั้งในช่วงเดือนเมษายนยังมีโปรแกรมการปล่อยลูกเต่าที่ฟักตัวกลับสู่ทะเลอีกด้วย
ภาพจาก : www.marriott.com



เพลิดเพลินวิถีดั้งเดิม ส่งเสริมชุมชนท้องถิ่น

ในแต่ละสถานที่ต่างมีประวัติศาสตร์ และ ภูมิปัญหาดั้งเดิมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนั่นคือสีสันของการได้ออกไปท่องโลกกว้าง โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถให้คุณได้เรียนรู้วัฒนธรรมในประเทศไทยนั้นมีอยู่มากมายที่พร้อมให้คุณได้เข้าไปค้นหา



Gong Coffee Ranong
Address : 62/1 ม.8 บกกราย ต.น้ำจืด อ.กระบุรี จ.ระนอง 85110 | Tel : 095-4149952
Maps : Google Map | Facebook : Gong Coffee
ไร่กาแฟออร์แกนิกชื่อดังของจังหวัดระนอง ที่ใช้เมล็ดกาแฟที่พัฒนาจากภูมิปัญญาพื้นบ้านตั้งแต่การเพาะปลูก คัดเมล็ด คั่วในกระทะเล็ก ๆ และ การบดด้วยมือ ซึ่งทำให้ยังสามารถรักษากลิ่นหอมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโรบัสต้า รวมถึงรสชาติความหวานของเมล็ดกาแฟเอาไว้ได้ จนได้ออกมากลายเป็นกาแฟที่รสชาติกลมกล่อม ไม่เข้มจนเกินไป อีกทั้งยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนสามารถส่งออกไปขายได้ทั่วโลก



นอกจากนั้นที่ก้องวัลเล่ย์แห่งนี้ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้กระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน และ ยังสามารถทดลองคั่วกาแฟโบราณด้วยตัวเองในกระทะใบเล็กไปพร้อม ๆ กับการเรียนรู้ระดับของการคั่วกาแฟ การบด และ การชงในวิธีแบบต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นการพักผ่อนที่มีกิจกรรมให้ทำ ยิ่งถ้าเป็นคนรักกาแฟด้วยแล้วที่แห่งนี้ถือว่าไม่ควรพลาด



บ้านสนวนนอก
Address : ตำบล สนวน อำเภอ ห้วยราช บุรีรัมย์ 31000 | Tel : 080-4724435
Maps : Google Map | Facebook : Ban Sanuan Nok Village 

อีกหนึ่งจุดหมายของไทยสำหรับการท่องเที่ยวพร้อมเรียนรู้วัฒนธรรม คือ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ทีเพียงไม่กี่ครัวเรือน เป็นที่ตั้งของชุมชนโบราณซึ่งสืบสานการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมาตั้งแต่อดีต โดยชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นสามารถทอผ้าใช้เองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ตลอดจนการซักฟอก และ ถักทอเลยทีเดียว



ผ้าทอนั้นเป็นตัวบ่งบอกวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ได้อย่างชัดเจน เพราะ ในแต่ละพื้นที่ก็จะมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่ต่างกันออกไป โดยของบ้านสนวนนอกนั้น คือ ผ้าหางกระรอกคู่ตีนแดง ผ้าไหมลายดั้งเดิมที่ตกทอดกันมาแต่โบราณ โดยมีลายยกดอกพิกุล เป็นลายเอกลักษณ์ของที่นี่ นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการควบเส้นในการปั่นด้ายก่อนจะนำไปถักทอ ซึ่งสีพื้นที่ทอออกมาจะทำให้เกิดลายเหลื่อมกันเป็นสีเหลืองคล้ายหางกระรอก เป็นที่มาของชื่อนั่นเอง ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดจะมีมัคคุเทศก์ของหมู่บ้านพาคุณชมทุกขั้นตอนในทุกกระบวนการ

จะเห็นได้ว่าประเทศไทยต่างมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ตอบรับกับเทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2023 อีกทั้งยังเป็นประเทศที่อยู่ในใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมาย ดังนั้นในปีนี้น่าจะเป็นปีทองของการท่องเที่ยวในประเทศไทยเลยทีเดียว ซึ่งหวังว่าจุดหมายต่าง ๆ ที่หยิบยกมานี้จะทำให้การจัดทริปพักผ่อนของคุณมีความพิเศษยิ่งขึ้นตลอดปี 2023 นะคะ


กองทุนแนะนำที่เกี่ยวข้อง

K-PLAN 2

​อ่านรายละเอียดกองทุน
​ซื้อกองทุนผ่าน KPLUS


K-PLAN 3

​อ่านรายละเอียดกองทุน
​ซื้อกองทุนผ่าน KPLUS





กลับ