Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

​​
        นาทีนี้ทั่วโลกกำลังพูดถึงการ “ฆ่าขยะพลาสติกให้ตาย” และ คนไทยก็ดูจะจริงจังมากขึ้น แต่ละปีประเทศไทยสร้างขยะพลาสติกมากถึง 2 ล้านตัน โดยนำมารีไซเคิลได้เพียง 0.5 ล้านตัน ส่วนอีก 1.5 ล้านตัน ถูกนำไปฝังกลบ หรือ ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อม ทำให้ปัญหาขยะพลาสติกกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งคนในสังคมปัจจุบันก็เริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องของบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น มีการอ่านฉลากก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อดูว่าบรรจุภัณฑ์นั้น ๆ ดีต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ส่วนธุรกิจที่ไม่ต้องมีบรรจุภัณฑ์เพื่อลดการสร้างขยะให้กับโลกก็กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Lush Cosmetics แบรนด์เครื่องสำอางออร์แกนิกจากประเทศอังกฤษ ซึ่งมีจุดยืนชัดเจนในการเป็นธุรกิจรักษ์โลก ที่ประกาศตัวจะไม่เพิ่มขยะจากบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง ภายใต้แนวคิดนี้ จึงนำมาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์แชมพู สบู่ และครีมนวด ในรูปแบบของก้อนกลมขนาดเล็กที่ปราศจากบรรจุภัณฑ์ห่อหุ้ม ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี 

        เชื่อไหมว่า Lush Shampoo Bars เคยทำยอดขายได้ถึง 12,000 ก้อน ภายใน 48 ชั่วโมง ว่ากันว่าถ้าดูแค่ยอดขายเฉพาะแชมพูก้อนอย่างเดียว Lush Cosmetics ช่วยกำจัดขวดแชมพูพลาสติกไปได้เกือบ 6 ล้านขวดต่อปี ซึ่งในปี ๆ หนึ่งมีขวดแชมพูพลาสติกกว่า 552 ล้านขวดถูกโยนทิ้ง เรียกได้ว่าการทำสินค้าแบบเปลือยนี้ นอกจากจะช่วยลดขยะพลาสติกแล้ว ยังเป็นการทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์โดยตรง และ เป็นการซื้อสินค้าเพราะคุณค่า และ คุณสมบัติของสินค้าอย่างแท้จริง แม้การทำสินค้าแบบไร้บรรจุภัณฑ์จะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของแบรนด์เท่านั้น แต่ด้วยจุดยืนที่ต้องการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม สินค้าอื่น ๆ ที่ยังจำเป็นต้องมีบรรจุภัณฑ์ Lush Cosmetics จะเลือกใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลนั่นเอง

        นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของบริษัทที่เลือกเส้นทางสายกรีน สำหรับผู้ประกอบการไทยนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีของธุรกิจที่จะคว้าโอกาสจากกระแสรักษ์โลก ด้วยการแสดงให้ผู้บริโภคเห็นถึงความตั้งใจที่จะดูแลสิ่งแวดล้อม ผ่านทางบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก หรือ จะปราศจากบรรจุภัณฑ์ได้เช่นกัน
สามารถอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ ที่นี่

กลับ