ธุรกิจบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งถึงมือผู้บริโภค คาดโตไม่ต่ำกว่า 15%

ECONOMIC HORIZON4 ส.ค. 63

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งถึงมือผู้บริโภค ปี 2563 คาดโตไม่ต่ำกว่า 15%

ท่ามกลางการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือด

วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในปัจจุบัน นับเป็นหนึ่งในปัจจัยเร่งรัดที่ทำให้ผู้บริโภคไทยส่วนใหญ่ขยับมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) มากขึ้นทั้งในเชิงปริมาณ และ ความถี่ ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างธุรกิจขนส่งสินค้าจากร้านค้าไปยังผู้บริโภคปลายทาง (Last-mile Delivery) และ เป็นโอกาสในการขยายตลาดของธุรกิจบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งถึงมือผู้บริโภค
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินมูลค่าธุรกิจบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งถึงมือผู้บริโภคในปี 2563 น่าจะอยู่ที่ 14,400-15,000 ล้านบาท ขยายตัว 15-18% จากปี 2562 สอดคล้องกับการขยายตัวของธุรกิจ Last-mile Delivery จากอุปสงค์การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นตามความถี่ในการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภค ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากความสะดวกสบายในการใช้งานแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือเพื่อซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ อีกทั้งต้นทุนการขนส่งมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากการแข่งขันด้านราคาของผู้ขนส่ง
อย่างไรก็ดี ธุรกิจบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งถึงมือผู้บริโภคยังเผชิญการแข่งขันด้านราคาที่เข้มข้น เนื่องจากบรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่งถึงมือผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังมีลักษณะการผลิตอย่างง่าย และ ผลิตภัณฑ์ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก ทำให้ผู้เล่นรายใหม่หรือผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ สามารถเข้าสู่ตลาดได้ง่าย ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องเร่งปรับตัวด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะและหลากหลายมากขึ้น ควบคู่ไปกับการให้บริการแบบครบวงจร

พิมพ์

กลับ