จุดเช็คอินกลางกรุงที่ต้องไปสักครั้ง กับอาคารเก่าปลุกที่ความขลังให้สวยงามร่วมสมัย

จุดเช็คอินกลางกรุงที่ต้องไปสักครั้ง กับอาคารเก่าปลุกที่ความขลังให้สวยงามร่วมสมัย

​​​​        ​แม้ข่าวคราวของวัคซีนจะมาถึงประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ในตอนนี้หลาย ๆ ท่านยังคงเลือกที่จะลดการเดินทางไกลในช่วงวันหยุดอยู่ ดังนั้นเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ ผ่อนคลายในวันหยุดนี้ Your Joy อยากจะขอเชิญชวนทุกท่านเปิดประตู เที่ยวรอบกรุงกับอาคารเก่าที่นำมารีโนเวทที่ยังคงกลิ่นอายเดิมแต่ผสมผสานความทันสมัยลงไปได้อย่างลงตัวกัน ให้เป็นอีกไอเดียหนึ่งในการปักหมุดหมายผ่อนคลายวันหยุดของคุณกันค่ะ


Na at Bangkok 1899
บ้านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ถนนนครสววรรค์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย | เวลาทำการ : วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 19.00 น.
โทรศัพท์ 089-164445​4 หรือ Facebook : https://www.facebook.com/naprojectsgroup

อาคารเก่าทรงยุโรปอายุกว่าหลายร้อยปีริมถนนนครสวรรค์ ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2442 เพื่อเป็นเรือนหอของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ผู้วางรากฐานด้านการศึกษาของประเทศไทย ตัวอาคารโดดเด่นด้วยการออกแบบจากสถาปนิกคนเดียวกับที่ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม งดงามไปด้วยเสา คาน ซุ้มประตู หน้าต่าง ช่องลม รวมไปถึงพื้นเองก็กรุด้วยหินอ่อน ส่วนชั้นสองใช้ไม้เป็นวัสดุหลักแต่ก็มีความงดงามไม่แพ้กัน จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปบทความของอาคารหลังนี้ก็แปรเปลี่ยนไปจนในปัจจุบันได้กลายเป็นพื้นที่สาธารณะในชื่อโครงการ Bangkok 1899 เป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนด้านสังคมและวัฒนธรรมทั้ง ที่พักศิลปินนานาชาติ สวนสาธารณะ พื้นที่จัดนิทรรศกาล รวมไปถึงคาเฟ่เพื่อสังคมอย่าง Na at Bangkok 1899 ค่ะ
สิ่งที่เด่นชัดอย่างหนึ่งของคาเฟ่แห่งนี้ คือ การที่ Na เป็นคาเฟ่เพื่อสังคม Zero Waste ใข้วัตถุดิบท้องถิ่น และ เป็นคาเฟ่ที่สร้างชุมชน รวมไปถึงนำรายได้ไปช่วยเหลือมูลนิธี “สติ” มูลนิธิเพื่อช่วยเหลือสุขภาพและการศึกษาของเด็กด้อยโอกาสค่ะ หลากหลายเมนูของภายในคาเฟ่แห่งนี้ก็มี Story ที่น่าสนใจไม่น้อย ตั้งแต่เมนูกาแฟที่เลือกเมล็ดกาแฟภายในประเทศ และ เลือกจากพาร์ทเนอร์ที่มีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกันกับตัวคาเฟ่ นั่นก็คือ การทำเพื่อสังคม หรือแม้แต่การมีโครงการ Suspended Beverage ที่จะเป็นการซื้อเครื่องดื่มเพื่อคนอื่นล่วงหน้า กล่าวคือ จ่ายเครื่องดื่มราคา 2 แก้ว โดยแก้วหนึ่งเราจะได้รับประทานเลย ส่วนอีกแก้วนั้นสามารถให้ผู้ที่เข้ามาในคาเฟ่นั้นสามารถสั่งมาได้ฟรี ๆ ค่ะ 

 

        โดยเมนูที่อยากแนะนำให้ลิ้มลองกันเริ่มต้นด้วย Hot Latte ที่มีทั้งความหอม และ รสชาติฟรุตตี้นิด ๆ ของเมล็ดกาแฟเข้มข้น หรือจะเป็นเมนู Zero Waste Refreshing เครื่องดื่มน้ำโซดาที่ผสมไซรัปจากเปลือกส้มนำไปบดกับกากน้ำตาล มีรสชาติหอมหวาน เปรี้ยว ซ่า และ มีความขมหน่อย ๆ ค่ะ คาเฟ่ Na นอกจากจะมี Story ที่น่าสนใจ เมนูเครื่องดื่มที่อร่อย เมนูอาหารที่มีเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาแล้ว บรรยากาศภายในร้านเองยังให้บรรยากาศที่คงความย้อนยุคด้วยตัวอาคาร และ เฟอร์นิเจอร์ แต่เพิ่มความทันสมัยด้วยแสงไฟที่จัดวางได้เข้ากันอย่างลงตัว ลองไปเปิดประสบการณ์ดูสักครั้ง คุณอาจจะได้คาเฟ่ในใจสำหรับวันหยุดเพิ่มอีก 1 ที่ก็ได้นะคะ


Buddha & Pals
โฮสเทล KANVELA HOUSE ถ.กรุงเกษม เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
หมายเลขโทรศัพท์ 061-5859283 หรือ Facebook : https://www.facebook.com/buddhaandpals/
คาเฟ่ เปิดทุกวันเวลา 10.00 – 19.00 น.
บาร์ เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ เวลา 19.00 – 00.00 น. (Live Jazz วันศุกร์ - วันเสาร์)

        ถัดมาใกล้ ๆ กับย่านนางเลิ้ง ย่านเมืองเก่าที่น่าหลงไหล มีวัฒนธรรมเก่าแก่อย่างมากมายที่ทั้งคงกลิ่นอายแบบเดิมเอาไว้ หรือ รีโนเวทใหม่ให้เข้าสมัยมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับอาคารที่มีอายุกว่า 80 ปี ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายจากการเป็นโรงงานผลิตน้ำมันมวย ร้านสูท ร้านเครื่องประดับจากนั้นจึงได้รับการรีโนเวทจากห้องแถวติดกัน 6 ห้อง เปลี่ยนให้เป็นตัวอาคารยาวเชื่อมติดกัน สร้างเป็นโฮสเทลที่โดดเด่นด้วยประตูทางเข้าสีแดงสดตัดกับตัวอาคารพร้อมด้วยชื่อ KANVELA HOUSE เหนือบานประตู สำหรับส่วนหน้าจัดทำเป็นคาเฟ่ชื่อ Buddha & Pals ตัวอาคารยังคงความวินเทจแบบเดิมของตัวอาคารเอาไว้ ผสานการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากันไม่ว่าจะเป็นโต๊ะไม้ และ โคมไฟระย้า ทำให้พอก้าวเข้าไปในตัวร้านแล้วราวกับได้ย้อนเวลากลับไปยังสมัยก่อนจริง ๆ 

 
        สำหรับเมนูที่มีในคาเฟ่นั้นประกอบไปด้วยทั้งเมนูเครื่องดื่ม ชา กาแฟ และ เบเกอรี่ที่มีแนะนำอยู่หลากหลายเมนู อาทิ Karnvela 59 ซิกเนเจอร์ดริงก์กาแฟอเมริกาโน่เข้มข้นที่เข้ากับความหวานของน้ำผึ้ง ผสานรสชาติให้กลมกล่อมด้วยความเปรี้ยวของเลม่อนที่ทำให้ทุกอย่างนั้นลงตัวอย่างพอดิบพอดี หรือจะเป็นเมนูหนักท้องอย่าง Spaghetti Seafood With Homemade Tomato Sauce ที่เป็นหนึ่งในเมนูแนะนำของทางร้านด้วยเส้นสปาเก็ตตี้โฮมเมดเส้นนุ่ม ผัดเคล้าอาหารทะเลสดใหม่และซอสมะเขือเทศครีมข้นที่ทำใหม่ในทุกวัน แถมในช่วงกลางคืนสถานที่แห่งนี้จะเปลี่ยนบรรยากาศกลายเป็น Jazz Bar ให้ทุกท่านได้มานั่งดื่มเคล้าเสียงดนตรีในยามค่ำคืน กลางบรรยากาศแบบวินเทจของสถานที่แห่งนี้อย่างมีความสุขค่ะ

​​
 
Patina Bangkok
965 ซอยวานิช 2 ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 9.00 - 18.00 น.
โทรศัพท์ : 095-7401965

        แวะเยือนตลาดน้อย อีกหนึ่งย่านเก่าแก่ในเมืองกรุงที่ยังเสน่ห์ความคลาสสิกในอดีตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ท่ามกลางสถาปัตยกรรมแบบโบราณ ท่ามกลางผู้คนที่มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เมื่อค้นให้ลึกลงไปจะเจอกับ Patina Bangkok บ้านหลังเก่าอายุกว่า 200 ปี ที่เต็มไปด้วยร่องรอยในอดีต ซึ่งแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลาจนกลายมาเป็นคาเฟ่ดีไซน์คลาสสิกในปัจจุบัน โดยทางร้านยังคงโครงสร้างและสถาปัตยกรรมแบบเดิมไว้ ตกแต่งสไตล์วินเทจร่วมสมัย ภายนอกอาคารเป็นการผสมผสานสไตล์การออกแบบระหว่างไทยและจีนที่เข้ากันได้อย่างลงตัว บริเวณหลังคาจั่วและหน้าต่างเป็นแบบไทยโบราณ ขณะที่ประตูเป็นทรงโค้งสไตล์จีนและช่องลมฉลุลาย เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในร้านจะพบกับเอสเพรสโซ่บาร์ที่ด้านบนตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าดีไซน์สวยงาม เสริมความโดดเด่นให้เคาน์เตอร์บาร์ได้อย่างเหมาะเจาะ โดยมีบาริสต้าฝีมือเยี่ยมพร้อมรังสรรค์เครื่องดื่มหลากชนิดให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลอง

  
        เมนูเครื่องดื่มของทางร้านมีให้เลือกหลากหลายเมนู โดยเมนูยอดนิยมต้องยกให้ Dirty ที่ให้รสสัมผัสนุ่มละมุนและความเข้มข้นของกาแฟอยู่ในแก้วเดียว ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟไทยคุณภาพดีมาเบลนด์กับเมล็ดกาแฟบราซิล จนออกมาเป็นกาแฟหอมกรุ่นรสชาติเข้มข้น ส่วนท่านใดที่ไม่ดื่มกาแฟ ทางร้านยังมีเมนู Non-Coffee ที่อยากแนะนำอีก เช่น Zenryoku Matcha ชาเขียวมัทฉะเกรดพรีเมียมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น หรือเมนู Homemade Syrub อย่าง Thai Derm ซึ่งเป็นการนำไซรัปที่มีส่วนผสมของเสาวรสนำไปเคี่ยวกับใบเตยจนได้กลิ่นหอม เสิร์ฟพร้อมโซดา ท็อปด้านบนโดยใบเตย ให้รสเปรี้ยวอมหวานสไตล์ไทย ๆ เหมาะกับดื่มเพื่อเติมความสดชื่นในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ได้เป็นอย่างดี นับเป็นอีกหนึ่งร้านที่เหมาะแก่ผู้ที่ชื่นชอบการพักผ่อนด้วยการดื่มเครื่องดื่มรสชาติดี ๆ ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งแบบวินเทจร่วมสมัยมาก ๆ เลยค่ะ

ท่ามกลางเมืองแห่งความศิวิไลซ์อย่าง กรุงเทพฯ จริง ๆ แล้วยังคงมีอาคารบ้านเรือนอีกมากมายที่ยังความคลาสสิกของสถาปัตยกรรมสมัยก่อนเอาไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้ชื่นชมอยู่หลายแห่ง แม้จะถูกปรับปรุงหรือต่อเติมบางส่วนไปบ้างเพื่อความสวยงามและความปลอดภัย แต่โดยรวมโครงสร้างเดิมยังคงอยู่ กลิ่นอายในอดีตยังคงทิ้งร่องรอยรอเวลาให้ทุกท่านได้แวะไปสัมผัสความงดงาม