เมื่อใกล้ถึงวันแม่แห่งชาติ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะเตรียมหาซื้อพวงมาลัยสวย ๆ ที่ผ่านการร้อยเรียงอย่างละเมียดละไมพร้อมกลิ่นหอมละมุนใจไปไหว้คุณแม่กันเหมือนทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นธรรมเนียมแสนอบอุ่นที่สืบทอดต่อ ๆ กันมาตั้งแต่อดีต ดังนั้นบทความในเดือนนี้จะว่ากันด้วยเรื่องความสำคัญและความแตกต่างของมาลัยในอดีต และ ปัจจุบัน
ประเทศไทยเราได้รับวัฒนธรรมการร้อยมาลัยมาจากอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดสำคัญของศิลปะการร้อยมาลัยของหลาย ๆ ประเทศ โดยชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูจะร้อยพวงมาลัยด้วยวัสดุจากดอกไม้สด เช่น ดอกมะลิ หรือ ดอกกุหลาบที่เราคุ้นเคยกันดีในปัจจุบัน นำไปบูชาปวงเทพต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล
การร้อยมาลัยได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงรัชกาลที่ 5 ซึ่งจะมีการจัดประกวดการร้อยมาลัยหรือการจัดดอกไม้เพื่อใช้ในงานพิธีต่าง ๆ เรียกได้ว่าศิลปะการร้อยมาลัยเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงระดับรสนิยมของสังคมในช่วงนั้น เป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ประชันความเหนือชั้นระหว่างผู้หญิงด้วยกันได้ ทั้งนี้เพราะในยุคนั้น ผู้หญิงต้องมีฝีมือการเป็นแม่บ้านแม่เรือนสูงกว่าผู้หญิงในยุคปัจจุบัน ทักษะการจัดดอกไม้หรือการร้อยมาลัยที่ปราณีตและสวยงามจึงเปรียบเสมือนการเพิ่มคุณค่าให้ผู้หญิงในยุคที่สังคมยังมีการปกครองแบบผู้ชายเป็นใหญ่
ศิลปะการร้อยมาลัยได้รับการสืบทอดมาเรื่อย ๆ กลายเป็นวิชาความรู้ที่มีการสอนตามวิทยาลัยในวัง โรงเรียนการเรือน จนถึงสถาบันวิชาชีพต่าง ๆ ในปัจจุบัน พวงมาลัยถูกนำมาใช้ตามงานมงคลมากมาย ได้แก่ งานแต่งงาน งานรับขวัญต่าง ๆ หรือ งานแสดงการต้อนรับบุคคลสำคัญ สื่อให้เห็นว่าพวงมาลัยจัดเป็นงานประดิษฐ์ที่ยังคงมีคุณค่าเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่คนไทยใช้ในงานสำคัญ ๆ ที่แสดงออกถึงความเคารพ และ ความยินดี จะเห็นได้ชัดจากการที่เรามอบพวงมาลัยให้บุคคลที่เรารัก ได้แก่ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และ ผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ หรือ แม้กระทั่งการใช้พวงมาลัยกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งดอกไม้ที่นำมาใช้ในการร้อยมาลัยนั้น ยังแฝงไว้ด้วยความหมายอันดี ที่แสดงถึงความเคารพ ความยินดี และ ความประสงค์ดี ที่ผู้ให้มีต่อผู้รับ โดยตัวอย่างความหมายของดอกไม้ที่นิยมนำมาใช้ในการร้อยมาลัย เช่น
ดอกมะลิ - ดอกไม้มงคลที่คนไทยจัดให้เป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ ด้วยกลิ่นอันหอมหวนชวนให้รู้สึกดี และ สีขาวบริสุทธิ์ของดอกมะลิ เปรียบดั่งความรักบริสุทธิ์ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ถือเป็นดอกไม้ยอดนิยมที่ถูกนำมาร้อยเรียงเป็นพวงมาลัยเพื่อใช้ในงานมงคลต่าง ๆ
ดอกกุหลาบ - ดอกไม้แห่งความรักที่เรารู้จักกันดี ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งดอกไม้ โดยดอกกุหลาบสีแดงสามารถสื่อได้หลากหลายความหมาย ได้แก่ ความรัก ความเคารพ ความชื่นชม และ ความจงรักภักดี การนำกลีบกุหลาบมาร้อยเป็นมาลัยช่วยเพิ่มความสวยงามและความน่าสนใจ ที่แฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง
ดอกบานไม่รู้โรย - ดอกไม้ที่สื่อถึงความมั่นคงไม่แปรเปลี่ยน เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานไม่โรยรา สื่อถึงความรักความศรัทธาที่มั่นคงไม่มีวันผันเปลี่ยนเช่นเดียวกับดอกบานไม่รู้โรย ถือเป็นหนึ่งในดอกไม้มงคลยอดนิยมที่ถูกนำมาร้อยเป็นมาลัย
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น มาลัย ยังมีดอกไม้ กลีบดอกไม้ และ ใบไม้ที่นิยมนำมาใช้อีกหลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความหมายมีเป็นมงคลทั้งสิ้น อาทิ ดอกพุด ดอกรัก ดอกกล้วยไม้ ดอกจำผา-จำปี ดอกบานบุรี รวมไปถึง ใบไม้ต่าง ๆ เป็นต้น
จากเรื่องราวข้างต้น และ ความหมายมงคลต่าง ๆ ของมาลัยนั้น ในวันแม่ปีนี้การนำมาลัยดอกไม้ที่แสดงออกถึงความเคารพ - รักของเราที่มีต่อแม่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เป็นการสนับสนุนวัฒนธรรมที่ดีงามนี้ให้สืบทอดต่อ ๆ ไป และ ยังเป็นการสร้างความอบอุ่นให้หัวใจแก่ทั้งผู้ให้และผู้รับอีกด้วย
ที่มา