ตามติดนโยบายไบเดน และ แนวคิดที่ ”ธุรกิจต้องมี” เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ตามติดนโยบายไบเดน และ แนวคิดที่ ”ธุรกิจต้องมี” เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

​​​​​​ESG หัวใจของการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน

        ปี 2021 ประเทศสหรัฐฯภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีคนใหม่ที่ชื่อว่า นายโจ ไบเดน มีนโยบายที่แตกต่างไปจากประธานาธิบดีคนก่อนอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญอยู่ในขณะนี้
        การที่รัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งเน้นให้การสนับสนุนบริษัทที่มีนวัตกรรมสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีให้กับธุรกิจที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะทำให้บริษัทเหล่านี้มีความได้เปรียบในเชิงแข่งขันมากกว่าบริษัทที่เน้นทำกำไรในรูปแบบของตัวเงินเพียงอย่างเดียว เพราะในยุคปัจจุบันผู้คนหันมาสนใจสังคมและสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นส่งผลให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยใช้แนวทาง ESG ที่คำนึงถึงความรับผิดชอบทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ Environment (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) มีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว 
        การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เกิดขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเร่งที่ทำให้คนหันมาใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม จนทำให้เกิดพฤติกรรมใหม่ที่สอดคล้องไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม อย่างการหลีกเลี่ยงไปในที่ๆมีผู้คนหนาแน่น รวมถึงการทำงานที่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัส ก่อให้เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและธุรกิจใหม่เพื่อตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การใช้แอพพลิเคชั่นสั่งซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ การให้บริการทางการแพทย์ออนไลน์ผ่านเครื่องมือสื่อสาร 
        นอกเหนือจากภาวะโรคระบาด การเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ อย่างวิกฤติโลกร้อน ฝนไม่ตกตามฤดูกาล น้ำท่วมฉับพลัน  ก็ทำให้รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกหันมาสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงการพัฒนาพลังงานสะอาด เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่นำมาใช้เพื่อทดแทนพลังงานรูปแบบเดิมจากเชื้อเพลิงอย่างฟอสซิล ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ 
        จากตัวอย่างเหตุการณ์ทั้ง 2 กรณีนี้ ส่งผลให้ทุกภาคส่วนหันมาตระหนักถึงความสำคัญของ ESG สร้างโอกาสให้กับบริษัทที่ใช้แนวทาง ESG ในการดำเนินธุรกิจ สินค้าและบริการเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภค อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพราะปัจจุบันผู้ลงทุนจากสถาบันทั่วโลกหันมาให้น้ำหนักและความสำคัญกับปัจจัยด้าน ESG ในการประกอบการตัดสินใจลงทุนกันมากขึ้น ซึ่งหากบริษัทไหนไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ อาจทำให้ไม่มีผู้ลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนกับบริษัทนั้นเลยก็เป็นได้ 
        เพราะฉะนั้นการเลือกลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยใช้แนวทาง ESG ผ่านกองทุนรวม เช่น กองทุน K-CHANGE ผ่านธนาคารกสิกรไทย ที่จะลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่สร้างผลเชิงบวกต่อสังคม พร้อมโอกาส สร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ​ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนได้เกาะกระแสไปกับเมกะเทรนด์ของโลกที่ในอนาคตผู้คนจะหันมาให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น นำไปสู่การสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาวและส่งผลดีต่อโลกของเราในอนาคต

​​นักลงทุนสามารถอ่านรายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ หลักทรัพ​ย์กสิกรไทย คลิก​​

ช่องทางการลงทุน​

​​


K-Expert ไชยวัฒน์ คมโสภาพงศ์
ที่ปรึกษาการเงินกสิกรไทย