สถานการณ์การลงทุนทั่วโลก จากการที่สหรัฐฯ และ จีนได้บรรลุข้อตกลงการค้าบางส่วน โดยจีนตกลงที่จะ ซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ มูลค่า 4 - 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ทำการผ่อนคลายเกณฑ์ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ รวมทั้งทำให้ค่าเงินหยวนสะท้อนตามสภาพความเป็นจริงมากที่สุด และ ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การลงทุนในจีนของบริษัทสหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็เห็นชอบที่จะชะลอการเพิ่มอัตราภาษีกับสินค้าจากจีนมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์ฯ ขึ้นจาก 25% เป็น 30% ส่งผลให้ตลาดเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และ มีผลทำให้ราคาทองคำลดลง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางการค้ายังคงอยู่ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังต้องเดินหน้าเจรจาข้อตกลงฉบับต่อไป
สหรัฐฯ: ประธานธนาคาร FED สาขานิวยอร์กมองว่า ดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% - 1.75% เป็นระดับที่เหมาะสมแล้ว พร้อมทั้งระบุว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จะช่วยขจัดความเสี่ยงจากการทำสงครามการค้ากับจีน และ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปี ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P500 ได้ทำ all time high อย่างต่อเนื่อง โดยให้ผลตอบแทน YTD 26.7% และ 1M 4.4% ปัจจุบันมี 12-M forward P/E 19.0 เท่า (เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 16.0 เท่า)
ยุโรป: GDP ของยูโรโซนขยายตัว 0.2% QoQ เท่ากับที่ตลาดคาด ขณะที่ตัวเลข GDP ของเยอรมนีขยายตัว 0.1% QoQ ซึ่งตลาดคาดว่าจะหดตัว -0.1% QoQ ส่งผลให้เศรษฐกิจเยอรมนีเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิคได้ ประเด็น Brexit คาดว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ในท้ายที่สุด อาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงเชิงลบต่อเศรษฐกิจในยูโรโซนไปบางส่วน แต่ไม่ใช่ปัจจัยหนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดัชนี STOXX600 ให้ผลตอบแทน YTD 24.5% และ 1M 3.2% ปัจจุบันมี 12-M forward P/E 15.7 เท่า (เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 13.9 เท่า)
จีน: ตัวเลขการค้าจีนออกมาดูดีขึ้น ภาคการส่งออกหดตัวน้อยลงว่าที่ตลาดคาด ขณะที่การนำเข้าก็หดตัวลงเช่นกัน ส่งผลให้ดุลการค้าจีนเกินดุลเพิ่มขึ้น ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบ และ ความรุนแรงในฮ่องกงยังไม่มีทีท่าที่จะยุติ ดัชนี Shanghai Composite (SHCOMP index) ให้ผลตอบแทน YTD 18.8% และ 1M -3.3% ดัชนี HSCEI index ให้ผลตอบแทน YTD 6.9% และ 1M -0.7% ปัจจุบันมี 12-M forward P/E 8.2 เท่า (เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 8.8 เท่า)
ไทย: ที่ผ่านมา Moody’s และ Fitch ได้ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของไทยจาก “คงที่” เป็น “บวก” ในเดือน ก.ค. 2562 เนื่องจากการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น เสถียรภาพต่างประเทศของไทยที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่อง เช่น การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และ หนี้ต่างประเทศอยู่ระดับต่ำ อาจเป็นปัจจัยให้ไทยได้รับการปรับขึ้นอันดับความน่าเชื่อถือในช่วงปลายปี 2562 และ จะดึงดูดเงินทุนไหลเข้าจากต่างชาติ คาดว่าปีนี้ทั้งปี GDP จะอยู่ที่ 2.6% สำหรับอัตราดอกเบี้ย กนง.ได้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ ปัจจุบันอยู่ที่ 1.25% เป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดในรอบ 11 ปี และ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตลอดปี ในช่วงที่ผ่านมาเงินทุนได้ไหลออกจากตราสารหนี้ไทยลดลง แต่มีการปรับสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ โดยย้ายจากตราสารหนี้อายุ 1 - 3 ปี ไปยังตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือ 5 - 10 ปีแทน ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก ส่งผลให้กระแสเงินมีแนวโน้มไหลเข้าในหุ้นกลุ่ม Defensive และ กอง REIT/Infrastructure Fund มากขึ้น ที่ผ่านมาดัชนี SET ให้ผลตอบแทน YTD 5.4% และ 1M -1.5% ปัจจุบันมี 12-M forward P/E 17.0 เท่า (เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 14.3 เท่า) เป้าหมายดัชนี SET ปีหน้า 1,730 จุด ที่ P/E 16.5 เท่า
รายละเอียดกองทุนที่แนะนำ
กองทุน
| นโยบายการลงทุน
| การจ่ายเงินปันผล
| ความเสี่ยงกองทุน
|
K-SET50
| กองทุนรวมดัชนีที่ลงทุนหุ้นในดัชนี SET50 เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีผลตอบแทนรวม SET50
| ไม่จ่ายเงินปันผล
| ระดับ 6
|
KDLTF
| กองทุนรวมตราสารทุน กองทุนรวมหุ้นระยะยาวไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ กองทุน LTF ที่ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กระจายการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
| จ่ายปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
| ระดับ 6
|
KPROPIRMF
| กองทุน RMF ที่ลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารทั้งใน และ ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือ กลุ่มกิจการโครงสร้างพื้นฐาน ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
| ไม่จ่ายเงินปันผล
| ระดับ 8
|
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง (ข้อมูล ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562)
| ต้นปีถึงปัจจุบัน
| 3 เดือน
| 6 เดือน
| 1 ปี (ต่อปี)
| 3 ปี (ต่อปี)
| ตั้งแต่จัดตั้ง (ต่อปี)
|
K-SET50
| 6.23%
| 1.44%
| 2.28%
| 2.49%
| 8.41%
| 9.01%
|
เกณฑ์มาตรฐาน*
| 6.79%
| 1.59%
| 2.62%
| 3.03%
| 9.00%
| 9.73%
|
KDLTF
| 5.57%
| 1.73%
| 1.04%
| 1.37%
| 6.19%
| 8.95%
|
เกณฑ์มาตรฐาน**
| 5.86%
| - 0.69%
| 1.07%
| 1.45%
| 6.15%
| 10.32%
|
KPROPIRMF
| IPO : 12 - 20 พฤศจิกายน 2562 เสนอขายหลัง IPO : 25 พฤศจิกายน 2562 |
ผลการดำเนินงานช่วงเวลาน้อยกว่า 1 ปี จะแสดงเป็นอัตราผลตอบแทนสะสม ส่วนช่วงเวลา 1 ปีขึ้นไป จะแสดงเป็นอัตราผลตอบแทนต่อปี
* ดัชนีผลตอบแทนรวม SET50 (SET50 TRI)
** ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI)
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เอกสารฉบับนี้ จัดทำขึ้นโดย K-Expert โดยใช้ข้อมูลและคำแนะนำจาก บล.กสิกรไทย และบลจ.กสิกรไทย
|