สถานการณ์การลงทุนทั่วโลก ตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงนี้ปรับตัวขึ้นตามความคาดหวังในเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และ จีนซึ่งคาดว่าจะสามารถหาทางออกร่วมกันได้ รวมไปถึงการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป การผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ของธนาคารกลางยุโรป แต่เมื่อดูเศรษฐกิจโลกองค์รวมพบว่า ยังเติบโตในแนวโน้มที่ชะลอตัวลง เห็นได้จากดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ปรับตัวลดลงทั่วโลก ซึ่งหากสงครามการค้ายังไม่คลี่คลายลง ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะส่งผลชัดมากขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า
ตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากความคาดหวังของตลาดต่อการผ่อนคลายข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และ จีน อีกทั้งได้รับแรงหนุนในเชิงบวกจากตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจในด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงเกินคาด สูงกว่าเป้าหมายของ FED (+2.4% YoY) และ ยังคงปรับตัวขึ้น 3 เดือนต่อเนื่องติดต่อกัน ส่วนอัตราการว่างงานปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังคงกังวลในเรื่องอัตราค่าจ้างที่สูงขึ้นซึ่งสะท้อนถึงวงจรเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เติบโตเต็มที่แล้ว ก่อนส่งผลให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจต้องติดตามว่าทางธนาคารกลางสหรัฐฯ จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยหรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายกันต่อไป
ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อีกทั้งเศรษฐกิจภาพรวมยังอ่อนแอลง เห็นได้จากเงินเฟ้อของยูโรโซนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ห่างจากเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% สืบเนื่องมาจากการชะลอลงของเศรษฐกิจโลก และ ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยูโรโซนที่เน้นการส่งออกในระดับสูง โดยปัจจุบันทางธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้เพิ่งประกาศออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อตอบสนองต่อภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันโดยมีมาตรการ คือ 1) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.1% (จาก -0.4% สู่ระดับ -0.5%) 2) กลับมาใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน 3) เริ่มปล่อยกู้ให้ธนาคารพาณิชย์ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบ จึงเป็นไปได้ที่เรายังคงต้องจับตามองกันต่อไปว่าจะสามารถกระตุ้นภาพรวมของเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้หรือไม่
ตลาดหุ้นในฝั่งจีนนั้นยังคงปรับตัวขึ้นในกรอบแคบต้อนรับปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของหุ้นที่อยู่ในกลุ่มภาคการบริการ และ การบริโภค โดยสะท้อนตัวเลขไปในทิศทางเดียวกันกับตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจในภาคการบริการที่ขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการค้าจีนเดือนสิงหาคมยังอ่อนแรงลงต่อเนื่อง ต่ำกว่าในเดือนก่อนหน้า และ ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ +2.2% โดยจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้คาดการณ์ GDP จีนปี 2019 และ 2020 จะขยายลดลงเฉลี่ยอยู่ในช่วง 5 - 6% ตามลำดับ รัฐบาลจีนยังส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจตัวเอง
ตลาดหุ้นประเทศไทยยังคงปรับตัวขึ้นลงผันผวนตามทิศทางราคาหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นส่วนใหญ่ โดยเป้าหมาย SET Index ล่วงหน้า 12 เดือนอยู่ที่ 1,750 ซึ่งหุ้นกลุ่มธนาคารมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นภายหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์นำสำรองส่วนที่สูงกว่าจำนวนเงินสำรองตามสัดส่วน IFRS9 ณ วันแรกกลับมาบันทึกเป็นกำไรได้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ พบว่า GDP นั้นขยายตัว ลดลงเหลือ 3.0% YoY โดยได้รับผลกระทบจากประเด็นการส่งออก อีกทั้งปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นก็ส่งผลต่อปริมาณผลผลิตทางการเกษตรที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการบริโภคในภาคเอกชน และภาครัฐยังคงขยายตัวอยู่ในระดับสูง
รายละเอียดกองทุนที่แนะนำ
กองทุน
| นโยบายการลงทุน
| การจ่ายเงินปันผล
| ความเสี่ยงกองทุน
|
K-PLAN2
| กองทุนผสมลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และ หรือเงินฝาก โดยจะลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
| ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
| ระดับ 5
|
KDLTF
| กองทุน LTF ที่ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กระจายการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
| มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
| ระดับ 6
|
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง (ข้อมูล ณ วันที่ 18 กันยายน 2562)
กองทุน
| 3 เดือน
| 6 เดือน
| 1 ปี
| 3 ปี
| ตั้งแต่ต้นปี
|
K-PLAN2
| 0.79%
| 2.93%
| 1.04%
| 2.77%
| 4.14%
|
เกณฑ์มาตรฐาน *
| 0.71%
| 2.20%
| 1.71%
| 3.66%
| 4.64%
|
KDLTF
| -2.30%
| 2.73%
| -5.23%
| 5.16%
| 6.29%
|
ผลการดำเนินงานช่วงเวลาน้อยกว่า 1 ปี จะแสดงเป็นอัตราผลตอบแทนสะสม ส่วนช่วงเวลา 1 ปีขึ้นไป จะแสดงเป็นอัตราผลตอบแทนต่อปี
* ดัชนีชี้วัดของกองทุน (Benchmark) คือ ค่าเฉลี่ยของดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET TRI) (20%) TBMA Government Bond Total Return Index อายุระหว่าง 1-3 ปี (50%) Total Return of ThaiBMA MTM Corporate Bond Index อายุ 1 - 3 ปี (A-ขึ้นไป) (15%) MSCI ACWI Net Total Return USD Index (10%) ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน และ US Generic Government 12 Month Yield (5%) บวกด้วย Average Credit Spread ของตราสารที่มีอันดับต่ำสุด ในระดับ Investment Grade (BBB) อายุ 1 ปี ในช่วงระยะเวลาที่คำนวณผลตอบแทน และ ปรับด้วยต้นทุนการป้องความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน#*
** ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI)
ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เอกสารฉบับนี้ จัดทำขึ้นโดย K-Expert โดยใช้ข้อมูลและคำแนะนำจากบล.กสิกรไทย และ บลจ.กสิกรไทย
|