ในเดือนที่ผ่านมาตลาดการเงินโดยรวมยังคงผันผวน และ ปรับตัวลดลง ทั้งในตลาดพัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา ยุโรป และ ตลาดกำลังพัฒนาอย่างจีน ไทย และ ตลาดเพื่อนบ้าน หลังจาก Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.25%-2.50% และ ยังเดินหน้าแนวทางการปรับลดขนาดงบดุลต่อเนื่อง แม้จะปรับแผนการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าจาก 3 ครั้ง เป็น 2 ครั้ง โดย Fed ได้ปรับประมาณการณ์ GDP ปีนี้ลงเหลือ 3% จาก 3.1% และ ปี 2019 ลดลงเหลือ 2.3% จาก 2.5% นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อาจต้องถูกปิดการดำเนินงาน เนื่องจากขาดงบประมาณ เข้าสู่ภาวะ Government shutdown หลัง ปธน. ทรัมป์ ต่อรองจะไม่ลงนามผ่านร่างกฎหมายงบประมาณใดๆ หากไม่มีการอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก รวมทั้งข่าวลือที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการปลดนายเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
หุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ได้รับแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ด้านอิตาลี และ สหภาพยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลงงบประมาณปี 2562 ของอิตาลี หลังจากมีความขัดแย้งกันตั้งแต่อิตาลียื่นร่างงบประมาณดังกล่าวไปตั้งแต่เดือน ตุลาคม โดยอิตาลีลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณลงเป็น 2.04% จากระดับเดิม 2.40% ธนาคารกลาง ECB คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% และ ประกาศยุติโครงการ QE ในเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่ Brexit ยังคงยืดเยื้อต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือนมีนาคม 2562
ตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ และ หุ้นฮ่องกงปรับตัวลงจากความกังวลด้านการเติบโตของเศรษฐกิจจีน หลังตัวเลขเศรษฐกิจมีสัญญาณการชะลอตัว ในขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ออกกลไกกู้ยืมระยะกลางแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (TMLF) เพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินต่างๆ ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทเอกชนขนาดเล็ก ด้านสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลาย แต่ยังไม่สิ้นสุด โดยเลื่อนการใช้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันออกไปอีก 90 วัน จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเริ่มใช้อัตราภาษีใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้าเป็นต้นไป และ จะเดินหน้าเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งด้านการค้า ซึ่งส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องตามภูมิภาค และ ได้รับแรงกดดันจากหุ้นพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับร่วงแรง และ สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ด้าน กนง.มีมติ 5:2 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาที่ 1.75% โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งเพื่อสร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน สำหรับปัจจัยบวกของตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงหนุนด้านเศรษฐกิจผ่านการลงทุนภาครัฐ การกระตุ้นด้านการบริโภคภายในประเทศ และ การท่องเที่ยว ความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง และ สภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่สูง
รายละเอียดกองทุนแนะนำ
กองทุน
| นโยบายการลงทุน
| การจ่ายเงินปันผล
| ความเสี่ยงกองทุน
|
K-SET50
| ลงทุนหุ้นในดัชนี SET50 เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีผลตอบแทนรวม SET50
| ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
| ระดับ 6
|
K-PLAN 3
| กองทุนผสมลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และหรือเงินฝาก โดยจะลงทุนในหุ้นไม่เกิน 55% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
| ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
| ระดับ 5
|
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง (ข้อมูล ณ วันที่ 2 มกราคม 2562)
| 3 เดือน
| 6 เดือน
| 1 ปี
| 3 ปี
| ตั้งแต่ต้นปี
|
K-SET50
| - 8.76%
| - 0.19%
| - 5.48%
| 11.70%
| 0.16%
|
เกณฑ์มาตรฐาน *
| - 8.73%
| 0.08%
| -5.01%
| 12.22%
| 0.17%
|
K-PLAN3
| - 5.29%
| - 1.00%
| - 6.11%
| 4.93%
| 0.11%
|
เกณฑ์มาตรฐาน **
| - 5.65%
| - 1.70%
| - 3.85%
| 5.41%
| 0.13%
|
ผลการดำเนินงานช่วงเวลาน้อยกว่า 1 ปี จะแสดงเป็นอัตราผลตอบแทนสะสม ส่วนช่วงเวลา 1 ปีขึ้นไป จะแสดงเป็นอัตราผลตอบแทนต่อปี
* ดัชนีผลตอบแทนรวม SET50 (SET50 TRI)
** ดัชนีชี้วัดของกองทุน (Benchmark) คือ ค่าเฉลี่ยของดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์ (SET TRI) (40%) TBMA Government Bond Total Return Index อายุระหว่าง 1-3 ปี (30%) Total Return of ThaiBMA MTM Corporate Bond Index อายุ 1-3 ปี (A-ขึ้นไป) (10%) MSCI ACWI Net Total Return USD Index (15%) ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน และ US Generic Government 12 Month Yield (5%) บวกด้วย Average Credit Spread ของตราสารที่มีอันดับต่ำสุด ในระดับ Investment Grade (BBB) อายุ 1 ปี ในช่วงระยะเวลาที่คำนวณผลตอบแทน และปรับด้วยต้นทุนการป้องความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน#*
ผลการดำเนินงานในอดีต และ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เอกสารฉบับนี้ จัดทำขึ้นโดย K-Expert โดยใช้ข้อมูลและคำแนะนำจากบล.กสิกรไทย และบลจ.กสิกรไทย
|