รับมือความท้าทายของปี 2024 ด้วย 2 โอกาสการลงทุนที่ห้ามมองข้าม
ภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว :ซึ่งมีภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 มาตรการแจกจ่ายเงินในหลายประเทศ และ การเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ประกอบกับในแต่ละประเทศแกนหลักของโลกต่างมีจังหวะการฟื้นตัวที่แตกต่างกัน นักลงทุนจึงต้องปรับตัวให้ทันกับความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ
4 ความท้าทายของปี 2024 ที่นักลงทุนต้องเผชิญ
จากงานสัมมนา KAsset Investment Forum : ปรับพอร์ตรับโลกเปลี่ยน 2024 ทาง บลจ.กสิกรไทย ให้มุมมองความท้าทายที่ต้องเผชิญในปีนี้อยู่ 4 เรื่องหลัก ประกอบด้วย
-
กระแสทวนกลับของโลกาภิวัฒน์ (Deglobalization) หลังสองประเทศมหาอำนาจใหญ่ คือ สหรัฐอเมริกาและจีน เริ่มแยกออกจากกัน เกิดการกีดกันทางการค้า
-
ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ในสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่น การฟื้นตัวของแต่ละประเทศไม่พร้อมกัน การอุบัติของโรคภัยใหม่ ๆ
-
สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป (Global heating) ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร การผลิตอาหารเรื่องของความพอเพียงของน้ำ ซึ่งเป็นต้นตอของการกระทบกระทั่งกันในหลาย ๆ ประเทศ
-
สังคมผู้สูงอายุขยายตัว (Sliver Gen) จากอัตราการเกิดในแต่ละประเทศที่น้อยลง ทำให้โครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป ประกอบกับวิวัฒนาการทางการแพทย์มีความก้าวหน้ามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความท้าทายในโลกการลงทุน แต่ก็ยังมองเห็นโอกาสอยู่ด้วยเช่นกัน อย่างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี หรือ การลงทุนใหม่ๆ รวมทั้งเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่นำมาใช้แล้วเกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น กระแสการลงทุนในธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพื่อการลงทุนที่ยั่งยืนเกิดกำไรที่เติบโตในระยะยาว (ESG) และ กลุ่มธุรกิจสุขภาพ (Healthcare) ที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาดูแลผู้สูงอายุ
2 โอกาสการลงทุน ที่ห้ามมองข้าม
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร หัวใจสำคัญของการลงทุนยังคงเหมือนเดิม คือ การกระจายการลงทุนที่เหมาะสม ไม่กระจุกอยู่ในภูมิภาคใดหรือสินทรัพย์ใดมากเกินไป เพราะเหตุการณ์ในโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การลงทุนหนักไปทางตลาดใดตลาดนึงอาจทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได โดยในปี 2024 นี้หากพิจารณาลงไปจะพบโอกาสในการลงทุน ดังนี้
-
เงินเฟ้อลดลงแต่ยังลงไม่พอ ดอกเบี้ยยังมีโอกาสอยู่ระดับสูงนาน จากข้อมูล Fed watch tool ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯคงไม่ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และ หลังจากธนาคารกลางหยุดการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว เศรษฐกิจมักปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล ทำให้ตลาดมี sentiment ที่ดีขึ้น โดยจากสถิติของ KAsset หลังจาก Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย 3 - 6 เดือน ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจะเพิ่มขึ้นถึง 7 - 15% และสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ ล้วนฟื้นตัวดีขึ้น เช่น สหรัฐฯที่ยังเติบโตดี สะท้อนจากอัตราการว่างงานที่อยู่เพียง 3.5% เท่ากับระดับก่อนโควิด แปลว่าคนส่วนมากยังมีงานทำ และ ยังมีกำลังจับจ่ายใช้สอย
-
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกแม้ซบเซา แต่หากพิจารณารายอุตสาหกรรมยังมีบางกลุ่มเติบโตดี กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่สะท้อนว่าสามารถให้ผลตอบแทนปรับตัวขึ้นได้ในทุกเหตุการณ์ ดังนั้นในปีนี้กลุ่มที่มีโอกาสในการลงทุนจะเน้นเทรนด์เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด (ESG) การรับมือกับการค้าระหว่างประเทศที่ลดลง การลงทุนข้ามชาติที่ลดลง รวมไปถึงการย้ายถิ่นฐานของประชากรลดน้อยลง (Deglobalization)
พอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมจึงควรแบ่งสัดส่วนการลงทุนออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
-
ส่วนที่ 1 : Core Portfolio เน้นลงทุนระยะยาวแบบ Asset Allocation ประมาณ 70-80% ของพอร์ต โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกกองทุนเพื่อจัดพอร์ตเองได้ หรือสามารถลงทุนในกองทุนผสม ซึ่งมีนโยบายกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์อยู่แล้ว เช่น K-GINCOME
-
ส่วนที่ 2 : Satellite Portfolio เน้นลงทุนระยะสั้นแบบจับจังหวะตลาด (Market Timing) ประมาณ 20-30% ของพอร์ต โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกกองทุนได้ตามสถานการณ์การลงทุนในเวลานั้นหรือตามธีมการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร เช่น กองทุน K-HIT
“มองเห็นโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เน้นการลงทุนในเทรนด์ที่ได้รับประโยชน์
ลงทุนให้หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยง”
บทความโดย
กานต์พิชชา แดงพิบูลย์สกุล AFPT
Integrated Investment Advisory Chapter
กองทุนแนะนำที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางและเป็นพอร์ตการลงทุนหลัก
แนะนำกองทุนที่กระจายการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกกว่า 3,000 ตัว ได้ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ไม่ต้องจัดพอร์ตเอง เน้นสินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ เพื่อโอกาสทํากําไรและลดความผันผวนในระยะยาว ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Investment Funds – Global Income Fund, Class I (mth) - USD (hedged)
K-GINCOME-A(A)
อ่านรายละเอียดกองทุน
|
ซื้อกองทุนผ่าน KPLUS
|
|
|
K-GINCOME-A(R)
อ่านรายละเอียดกองทุน
|
ซื้อกองทุนผ่าน KPLUS
|
|
|
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงสูงและเป็นพอร์ตแบบจับจังหวะตลาด
แนะนำกองทุนที่กระจายการลงทุนหลากหลายเป็นธีม Megatrends กระแสการเปลี่ยนแปลงโลก 5 - 7 ธีมและจะมีการพิจารณาการลงทุนเทรนด์ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอจากการเปลี่ยนธีมอย่างน้อย 1 - 3 ธีม ในทุก ๆ ปี ผ่านกองทุนหลัก Allianz Global Investors Fund - Allianz Thematica Share Class P (EUR)
K-HIT-A(A)
อ่านรายละเอียดกองทุน
|
ซื้อกองทุนผ่าน KPLUS
|
|
|