ในปี 2019 นี้ เทรนด์การดูแลสุขภาพนั้นเรียกได้ว่ามาแรงเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากคนใกล้ตัวของเราหลายคนที่หันมารับประทานอาหารคลีนกันมากขึ้น บางคนก็เข้าฟิตเนสออกกำลังกายกันอย่างจริงจัง ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่พวกเราเริ่มใส่ใจดูแลสุขภาพกัน ในบทความนี้เราจะแนะนำการดูแลสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือการเข้าสปา ไปนวดหรือไปขัดผิวผ่อนคลายอารมณ์กันให้เพลินใจ หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าการเข้าสปาเป็นการดูแลสุขภาพอย่างไร แลดูจะเป็นการผ่อนคลายอย่างเดียวเสียมากกว่า เราจึงอยากกล่าวถึงคุณประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมของการเข้าสปาให้ผู้อ่านได้ทราบกัน

  ความผ่อนคลายจากการไปสปาช่วยลดความเครียดลงได้ดีเยี่ยม ในแต่ละวันเราอาจต้องพบเจอกับปัญหาต่าง ๆ ความเครียดจึงสะสมมาทีละเล็กละน้อย การได้เอาตัวเองออกจากการทำงานหรือจากความเครียดไปดื่มด่ำช่วงเวลาอันผ่อนคลายจากสปาบำบัด จะช่วยให้ความเครียดที่มีจางหายไป นอกจากนั้นสปายังทำให้เรามีจิตใจที่ปลอดโปร่ง หัวสมองแล่น ช่วยให้เรามีประสิทธิภาพในการทำงานหรือใช้ชีวิตดียิ่งขึ้น

        รู้หรือไม่ว่าคุณประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างของสปาบำบัด คือ ช่วยให้การหมุนเวียนของเลือดที่ดียิ่งขึ้น โดยการนวดสปา และ การอบซาวน่าช่วยควบคุมความดันเลือดของเรา และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งนำไปสู่สุขภาพที่แข็งแรง เพราะว่าร่างกายเราจะะสามารถต่อสู้กับอาการเจ็บป่วยได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้เราดูสุขภาพดี ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ยิ่งไปกว่านั้นช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น ทำให้เราสามารถโฟกัสกับงานหรือสิ่งต่าง ๆ ได้ดี รู้อย่างนี้แล้วรีบมองหาร้านสปาดี ๆ เดินทางสะดวกสบายกันไว้ได้เลย

        อาการนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิทเป็นสัญญาณของสุขภาพที่ไม่ดี ถ้าเราพบว่าตัวเองกำลังประสบปัญหานี้อยู่ สปาบำบัดเป็นหนึ่งในตัวช่วยส่งเสริมการนอนหลับที่ดีของเรา เนื่องจากสปาบำบัด เช่น การนวดสปาช่วยให้กล้ามเนื้อของเราผ่อนคลาย ลดความดันเลือด และ ช่วยให้เรามีอัตราการเต้นของหัวใจที่ดี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการนอนหลับของเรา

        เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีประสบการณ์การปวดเมื่อยในรูปแบบต่าง ๆ กันไป เช่น การปวดเมื่อยจากการออกกำลังกาย การนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมเป็นเวลานาน ๆ หรือแม้กระทั่งอาการปวดเมื่อยจากการนอนบนที่เตียงที่แข็งเกินไป หนึ่งในวิธีที่จะบรรเทาอาการปวดเมื่อยเหล่านี้ได้ก็คือการนวดสปา และ การอบซาวน่านั่นเอง เพราะว่าการนวดสปาและความร้อนจากการอบซาวน่าจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้าของเราให้หมดไป อีกทั้งความร้อนจากการอบซาวน่าเองนั้น นอกจากจะส่งผลให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ยังส่งผลช่วยผ่อนคลายเนื้อเยื่อรอบ ๆ ข้อต่อ ซึ่งจะช่วยลดความฝืด และ การอักเสบ อีกทั้งยังช่วยยืดกล้ามอย่างอ่อนโยน อาการเจ็บปวดของเราจึงบรรเทาลงไป ในบางกรณี คนที่กำลังพักฟื้นจากอุบัติเหตุสามารถบำบัดอาการเจ็บปวดได้โดยการเข้าสปา เพราะจะส่งผลให้การเคลื่อนไหวดีขึ้น ทางที่ดีอย่ามัวแต่หักโหมออกกำลังกาย หรือทำงานจนเสียสุขภาพจากอาการปวดตามร่างกายเลยจะดีกว่า แต่ถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้จริง ๆ การนวดสปาเป็นประจำก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย

        ใครกำลังรู้สึกว่าตัวเองมีอาการปวดหัวอยู่บ่อย ๆ ในช่วงนี้บ้าง? ไม่ต้องห่วงเพราะหนึ่งในคุณประโยชน์อันล้ำเลิศจากสปาบำบัดนั้น คือ การช่วยบำบัดอาการปวดหัวของเรา ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า สปาบำบัด เช่น การนวดสปาช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของอาการปวดหัวนั่นเอง ถ้ารู้สึกว่าปวดหัวบ่อย ๆ นั่นก็อาจจะมาจากความเครียดของเราที่สะสมมา ดังนั้น สปาบำบัดจึงช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ไปได้

        เราคงรู้กันแล้วว่าประโยชน์ของการเข้าสปานั้นช่วยส่งผลดีต่อร่างกายของเราอย่างไร แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นคือระดับความสุขที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าสปานั่นเอง บางคนอาจยังไม่รู้ว่าการนวดสปาช่วยหลั่งเซโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความสุข อีกทั้งการบำบัดด้วยสปาจะมีการสัมผัสกับร่างกาย ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้เรารู้สึกดี คล้าย ๆ กับการที่เราชอบความรู้สึกเวลากอด หรือ เวลาคนมาลูบหลังหรือสัมผัสที่ตัวเราในยามที่เรารู้สึกเสียใจ เราก็จะรู้สึกดีขึ้นนั่นเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาเราออกจากร้านสปาอารมณ์ของเราจะดีเป็นพิเศษ และไม่ใช่ว่าอาการรื่นรมย์นี้จะเกิดขึ้นหลังจากการนวดแค่วันเดียวเท่านั้นนะ แต่อาการของมันจะยังคงอยู่ต่อในวันถัด ๆ ไปอีกด้วย ใครที่รู้สึกช่วงนี้อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ก็ลองเข้าไปนวดสปากันให้อารมณ์ดีกันดีกว่า จะได้ไม่ไปอารมณ์เสียใส่คนอื่นโดยไม่รู้ตัว

คุณผู้อ่านคงได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นแล้วว่าการเข้าสปาช่วยให้สุขภาพของเราดีขึ้นได้อย่างไร ถ้าใครกำลังรู้สึกว่าตัวเองมีอาการที่บ่งบอกถึงความเครียด หรืออาการปวดตามร่างกาย การหาเวลาว่างไปเข้าสปาอาจตอบโจทย์ให้อาการเหล่านั้นบรรเทาและหายไปในที่สุด เพราะนอกจากคุณจะได้รับสุขภาพกายที่ดีแล้ว สุขภาพจิตก็ดีขึ้นตาม ๆ กันอีกด้วย ถือเป็นสองสิ่งที่ควรดูแลควบคู่กันไปเพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน

ที่มา: