THE PREMIER Next ISSUE 67 : JANUARY 2023

THE PREMIER Next ISSUE 67 : JANUARY 2023

​​​​​จับตาเศรษฐกิจจีนปี 2023 ส่งสัญญาณบวก เพิ่มโอกาสทำกำไรนักลงทุน


    • ไตรมาสแรกของปี 66 เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มสดใส จากการผ่อนคลายนโยบาย และ มีโอกาสเปิดประเทศ
    • มีโอกาสที่จะทำกำไรจากการลงทุนได้ค่อนข้างดี จากการลดลงของราคาตลาดหุ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
    • ยังต้องจับตาประเด็นของตลาดโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และ ยุโรปที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย และ กระทบเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง

ก้าวเข้าสู่เดือนแรกของปี 2023 อย่างเดือนมกราคม ซึ่งในปีนี้เรียกได้ว่าเป็นเดือนของวันปีใหม่เลยทีเดียวเพราะ นอกจากจะมีวันปีใหม่สากลแล้ว ในปลายเดือนยังเป็นวันตรุษจีน หรือ วันขึ้นปีใหม่จีนอีกด้วย ทำให้มีการเฉลิมฉลองของชาวจีนจากทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว นอกจากนี้ตลาดการลงทุนในจีนเองก็มีสัญญาณความสดใส ด้วยการเริ่มเห็นภาพความชัดเจนของการฟื้นตัว ตามปัจจัยหนุนของภาครัฐราวกับจะร่วมฉลองไปพร้อม ๆ กัน




นโยบายผลักดัน ปัจจัยความได้เปรียบกระตุ้นเศรษฐกิจจีน 

ในช่วงเวลาที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ผลักดันแนวคิด “ความรุ่งเรืองร่วมกัน” หรือ Common Prosperity เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของประชากรในประเทศ รวมถึงพยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ด้วยการออกนโยบายควบคุมต่าง ๆ เช่น 
    • ด้านการศึกษา ที่เข้ามาควบคุมโรงเรียนกวดวิชา
    • การกำหนดบริษัทเทคโนโลยีของจีน
    • นโยบายในการคุมเข้มโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดความร้อนแรง และ การเกร็งกำไร
    • นโยบายโควิดเป็นศูนย์

แม้ที่ผ่านมาจะเห็นว่าผลลัพธ์ของนโยบายเหล่านี้อาจไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่สดใสนัก แต่ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ในขณะเดียวกันทางโลกตะวันตกก็มีความตึงตัวจากการขึ้นดอกเบี้ยและอาจนำไปสู่ความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ยิ่งทำให้จีนเป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่งที่เงินทุนจะไหลเข้าและสามารถกระตุ้นระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ :ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะพาจีนมุ่งไปสู่เส้นชัยแห่งการฟื้นตัวและมั่นคงได้ในที่สุด



เศรษฐกิจจีนไตรมาสแรก แนวโน้มสดใสต้อนรับตรุษจีน

ตรุษจีนในปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาบริโภคจับจ่ายใช้สอยของประชาชนชาวจีน จากสัญญาณต่าง ๆ ที่ภาครัฐไม่ว่าจะเป็น
    • การผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์
    • การผ่อนคลายนโยบายการเงิน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย และ การอัดฉีดสภาพคล่องเข้าตลาดสินเชื้อ
    • การส่งสัญญาณเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ

ซึ่งส่งผลต่อไปยังตลาดหุ้นจีนที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกันปริมาณสินเชื่อในระบบยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น เป็นการสะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และ ถือเป็นตัวชี้วัดต่อดัชนี CSI 300 (A-Shares) ที่จะปรับตัวขึ้นในเวลาต่อมา

ตลาดหุ้นจีน โอกาสเติบโตที่นักลงทุนทั่วโลกต่างสนใจ

แม้การเติบโตของเศรษฐกิจจีน จะไม่ได้โดดเด่นเหมือนในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่จากที่ช่วงก่อนหน้านี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลง ประกอบกันแนวโน้มการเติบโตของรายได้ และ เศรษฐกิจที่มีท่าทีฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนเป็นที่สนใจจากบรรดานักลงทุนทั่วโลกเป็นอย่างมาก ซึ่งหากพูดถึงตลาดหุ้นจีนแล้วนั้น จะประกอบด้วย 3 กลุ่มใหญ่ คือ



หุ้นจีนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีนแผ่นดินใหญ่ หรือ ที่นักลงทุนรู้จักกัน คือ A-Share ซึ่งจะมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และ เซิ่นเจิ้น ซื้อขายด้วยสกุลเงินหยวนเป็นหลัก
(* หากมีการซื้อขายด้วยสกุลเงินต่างประเทศ จะเรียกว่า B-Share)



หุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) จะประกอบด้วย 3 ประเภท คือ
    • H-Share : หุ้นของธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
    • Red-Chips : เป็นบริษัทที่มีกิจการ หรือ ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในจีน แต่จัดตั้งบริษัทนอกประเทศจีน และ จด​ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง อีกทั้งยังมีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้น
    • P-Chips : เป็นกลุ่ทบริษัทที่มีลักษณะเหมือน Red-Chips แต่จะไม่มีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้น



หุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายนอกประเทศจีน หรือ ประเทศอื่นนอกเหนือจากนี้ หุ้นกลุ่มนี้ คือ 
    • China ADRs เป็นบริษัทในประเทศจีนที่จดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นเทคโนโลยีของจีน
    • N-Share : จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค (Nasdaq)
    • S-Chips : จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์
    • L-Share : จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน



การลงทุนยังความผันผวน แม้แนวโน้มหุ้นจีนจะดีขึ้น

สำหรับในปี 2023 แม้หุ้นจีนมีโอกาสที่จะไปได้สวยจากนโยบายทางการของจีน แต่ยังมีประเด็นทางเศรษฐกิจที่จะต้องติดตาม เช่น แนวโน้มเศรษฐกิจของมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และ ยุโรป ที่มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย และ สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเป็นวงกว้าง

ดังนั้นนักลงทุนที่รับความผันผวนได้น้อย อาจเลือกลงทุนในกองทุนผสมที่มีสัดส่วนการลงทุนทั้งหุ้น และ ตราสารหนี้ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ โดยอาจเลือกกองทุนที่มีน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีน เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนจากแนวโน้มฟื้นตัวของจีนได้นั่นเอง
บทความโดย
K-Expert นิติ สนิวาล 
ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า

กองทุนแนะนำที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง
แนะนำทยอยสะสมกองทุนผสม

กองทุนผสมสร้างผลตอบแทนระยะยาวและกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ (Multi-Asset) ทั้งในและต่างประเทศ โดยลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และหรือเงินฝาก

K-PLAN 2
ลงทุนในจีนผ่านกองทุน K-CHX 1.99%*
​อ่านรายละเอียดกองทุน
​ซื้อกองทุนผ่าน KPLUS




K-PLAN 3
ลงทุนในจีนผ่านกองทุน K-CHX 3.94%*
​อ่านรายละเอียดกองทุน
​ซื้อกองทุนผ่าน KPLUS


*ข้อมูลรายงานสถานะการลงทุนรายเดือน ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2565

สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง
แนะนำทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีน

ปัจจัยพื้นฐานของจีนยังดีในระยะยาวและภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศจีนให้กลับมาเติบโต

K-CHINA
อ่านรายละเอียดกองทุน

​กองทุน
​ซื้อกองทุนผ่าน KPLUS
​K-CHINA-A(A)

​K-CHINA-A(D)

​K-CHINA-SSF

​K-CHINA-RMF​



K-CHX
​อ่านรายละเอียดกองทุน​
​ซื้อกองทุนผ่าน KPLUS



K-CCTV
​​อ่านรายละเอียดกองทุน​
​ซื้อกองทุนผ่าน KPLUS



ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”