ปรับกลยุทธ์รับความเสี่ยงจากนโยบายการเงินสหรัฐฯครึ่งปีหลัง

ปรับกลยุทธ์รับความเสี่ยงจากนโยบายการเงินสหรัฐฯครึ่งปีหลัง

​​​​​​        ​เงินเฟ้อสหรัฐฯกลายเป็นจุดอ่อนไหวมากที่สุดสำหรับการลงทุนในปัจจุบัน หลังจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯปรับขึ้นสูงตามความร้อนแรงของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากวิกฤต COVID-19 โดยเงินเฟ้อขึ้นไปแตะสูงสุดเดือน มิถุนายน 2021 ที่ระดับ 5.4% YoY สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ทางการได้วางไว้ที่ 2% ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเร็วกว่ากำหนด ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการลงทุนในหุ้น

ผลกระทบวงกว้าง FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย​
        โดยการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ คณะกรรมการส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีเสถียรภาพ และ มีอัตราการว่างงานที่ลดลง ทำให้เห็นได้ว่าาธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มที่จะเอาจริงเอาจังในการดูแลนโยบายด้านการเงินที่เคยผ่อนคลายให้กลับมามีความเหมาะสมกับช่วงเวลา ซึ่งอาจทำให้แนวโน้มดอกเบี้ยมีโอกาสที่จะกลับมาปรับตัวขึ้น และ อาจส่งทำให้ประเทศอื่น ๆ มีการปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นความไปด้วย อย่างไรก็ตามก็เป็นไปได้ยากที่ดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้นมาเหมือนในอดีต ที่การฝากเงินในธนาคารให้ผลตอบแทนที่ดี ดังนั้นแล้วหากต้องการเพิ่มมูลค่าของเงินการฝากเงินไว้ในธนาคารอาจไม่ใช้ทางเลือกที่ดีนัก แต่ในขณะเดียวกันการลงทุนที่เคยใมห้ผลตอบแทนที่ดีมาโดยตลอดในช่วงเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ก็อาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการประกาศการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฯ เพื่อชะลอเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นขนาดกลาง และ ขนาดเล็ก รวมไปถึงบริษัทที่มีกระแสเงินสดน้อยจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อยู่รอด ไม่ว่าจะเป็น การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเน ลดการลงทุนในโรงการที่มีความเสี่ยง โดยจะส่งผลต่อไปยังภาพรวมของบรรยากาศการลงทุน ดังนั้นบรรดานักลงทุนจะต้องมีความระมัดระวังในการลงทุนที่มากขึ้น​
​​
         เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ การกระจายการลงทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า ซึ่งสามารถทำได้โดยการเพิ่มสัดส่วนของการลุงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ที่เน้นในเรื่องของการสร้างกระแสเงินสด เช่น ตราสารหนี้ที่เน้นจ่ายดอกเบี้ย หุ้นหรือกิจการที่มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งสามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ รวมถึงการกระจายการลงทุนไม่ให้มีการกระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป จะช่วยให้นักลงทุนคาดการณ์ผลตอบแทนได้แน่นอนกว่า แต่อย่างไรก็ตาม การติดตามสถานการณ์และพิจารณาปรับสัดส่วนของสินทรัพย์ให้เข้ากับสถานการณ์ ก็จะช่วยให้นักลงทุนมีความสบายใจในภาวะที่ตลาดทุนมีความผันผวนและได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงของนักลงทุน

K-Expert วันวิสาข์ อรุมชูตี AFPT™
ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า

กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม
กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกกว่า 2,500 ตัว เน้นสินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนสูง ทั้งในรูปของดอกเบี้ยและเงินปันผล เช่น หุ้นกู้ หุ้นปันผล กองอสังหาฯ

​อ่านรายละเอียดกองทุน
​ซื้อกองทุนง่าย ๆ ผ่าน K PLUS
​​K-GINCOME



ทำไมต้องเค โกลบอล อินคัม
    • โอกาสรับผลตอบแทนในรูปแบบรายได้สม่ำเสมอในทุกสภาวะตลาด
    • ปรับสัดส่วนการลงทุนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาด
    • กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ กว่า 2,500 ตัวทั่วโลก

เหมาะสำหรับใคร
    • ผู้ที่ต้องการลงทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้ทั่วโลกเพื่อการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว
    • ผู้ลงทุนที่สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นที่กองทุนรวมไปลงทุน ซึ่งอาจจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าที่ลงทุนและทำให้ขาดทุนได้
    • นักลงทุนมือใหม่ ที่อยากเริ่มลงทุน แต่ยังไม่อยากเสี่ยงสูงมาก และไม่รู้จังหวะในการเข้าลงทุน
    • นักลงทุนที่มีประสบการณ์ลงทุนมาแล้ว แต่ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ เพราะเคยลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งมากหรือน้อยเกินไป ไม่ได้กระจายความเสี่ยง หรือไม่มีเวลาปรับพอร์ตด้วยตนเอง
    • แนะนำควรถือครองกองทุนตั้งแต่ 3-5 ปี เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนตามเป้าหมาย และลดโอกาสขาดทุนในระยะสั้นๆ
    • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่เต็มจำนวนของเงินลงทุนในต่างประเทศ