ในเดือนที่ผ่านมาตลาดการเงินโดยภาพรวมฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการประกาศนโยบายปรับลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และ ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และ จีน โดยจีนเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็นเวลา 6 ปี รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้เสนอให้สหรัฐฯ มีการผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนซึ่งยังไม่ระบุรายละเอียดแน่ชัด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงกังวลการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ยังส่งสัญญาณการชะลอตัว และ ภาวะ Partial Government Shutdown ที่ยังยืดเยื้อ โดยล่าสุดปธน. ทรัมป์ ยื่นข้อเสนอการคุ้มครองชั่วคราวให้กับผู้อพยพราว 1 ล้านคน เพื่อแลกกับงบประมาณสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก แต่พรรคเดโมแครตยังคงปฏิเสธ
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตามหุ้นโลกจากข่าวความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และ จีน รวมถึงทาง EU เตรียมเจรจาการค้ากับทางสหรัฐฯ ในประเด็นการปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์ลง แต่ประเด็น Brexit ยังคงมีความ ไม่แน่นอนหลังจากที่รัฐสภาอังกฤษลงมติคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ แต่สมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษยังลงมติด้วยคะแนนเสียง 325-306 เสียง ให้ความไว้วางใจต่อรัฐบาลของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และ หาแนวทางข้อสรุปของ Brexit ด้านผู้นำพรรคแรงงานยังระบุว่า ทางพรรคปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจากับนางเทเรซา เมย์ เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับการทำข้อตกลง Brexit โดยจะเข้าร่วมเจรจาก็ต่อเมื่อนางเมย์ ให้การรับรองว่าจะไม่เกิดสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง (With No Deal)
หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ และ หุ้นฮ่องกงปรับตัวขึ้นจากข่าวความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และ จีน และ การประกาศแผนการลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทางการจีนประกาศตัวเลข GDP Growth ของประเทศในปี 2018 ออกมาอยู่ที่ 6.6% เฉพาะไตรมาส 4/2018 ตัวเลขที่รายงานออกมา คือ 6.4% ซึ่งลดลงจากไตรมาส ก่อนหน้าที่ประกาศไว้ 6.5% การที่เศรษฐกิจจีนโตเหลือ 6.6% ในปี 2018 ถือเป็นการเติบโตที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990 หรือ ในรอบ 28 ปี
ค่าเงินรูปีกลับอ่อนค่าลง 2.4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2018 รูปีอ่อนค่าลงกว่า 9.6%) ซึ่งอ่อนค่าแรงที่สุดในบรรดาสกุลเงินเกิดใหม่ทั้งหมด เพราะถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น 19% ตั้งแต่ต้นปี รวมถึงความกังวลเรื่องงบประมาณขาดดุลที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากรัฐบาลที่เร่งนโยบายประชานิยมก่อนการเลือกตั้งกลางปี
หุ้นไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารใหญ่ ออกมาต่ำกว่าประมาณการทั้งปีเล็กน้อย แต่ถ้าหากเทียบไตรมาสต่อไตรมาส พบว่าไตรมาสนี้ผลประกอบการต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ย 10% ประเด็นหลักยังคงมาจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมธุรกรรมออนไลน์ รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังคงได้รับแรงกดดันอยู่ แต่ในภาพรวมทางด้านการปล่อยสินเชื่อเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัว ในขณะที่ NPL เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ภาคการเงินทั้งปีขยายตัว 6.7% ในขณะที่การนำเข้าในเดือนธันวาคมหดตัวมากกว่าคาด -8.15% ตลาดคาด +3.7% ส่งผลให้ดุลการค้าเป็นบวกในเดือนธันวาคม โดยทั้งปี 2018 ไทยเกินดุลการค้า 3 พันกว่าล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และ การนำเข้าขยายตัวสูง +12.51% จากการลงทุนภาครัฐฯ ภาคเอกชนที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคเอกชนที่กลับมาฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีในปีที่ผ่านมา
รายละเอียดกองทุนแนะนำ
กองทุน
| นโยบายการลงทุน
| การจ่ายเงินปันผล
| ความเสี่ยงกองทุน
|
K-SET50
| ลงทุนหุ้นในดัชนี SET50 เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีผลตอบแทนรวม SET50
| ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
| ระดับ 6
|
K-EQUITY
| กองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว โดยพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าทางปัจจัยพื้นฐานที่เหมาะสม (Cheap Valuation) พร้อมทั้งมีการกระจายการลงทุนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของการลงทุน ทั้งนี้ อาจจะใช้กลยุทธ์การสร้างผลตอบแทนระยะสั้นในสถานการณ์ที่มีความเหมาะสม
| จ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
| ระดับ 6
|
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง (ข้อมูล ณ วันที่ 25 มกราคม 2562)
| 3 เดือน
| 6 เดือน
| 1 ปี
| 3 ปี
| ตั้งแต่ต้นปี
|
K-SET50
| 0.32%
| -1.96%
| -5.81%
| 13.98%
| 3.89%
|
เกณฑ์มาตรฐาน *
| 0.41%
| -1.69%
| -5.36%
| 14.55%
| 3.96%
|
K-EQUITY
| -0.49%
| -2.80%
| -6.67%
| 11.98%
| 3.92%
|
เกณฑ์มาตรฐาน **
| -1.04%
| -2.79%
| -8.01%
| 12.08%
| 3.83%
|
ผลการดำเนินงานช่วงเวลาน้อยกว่า 1 ปี จะแสดงเป็นอัตราผลตอบแทนสะสม ส่วนช่วงเวลา 1 ปีขึ้นไป จะแสดงเป็นอัตราผลตอบแทนต่อปี
* ดัชนีผลตอบแทนรวม SET50 (SET50 TRI)
** ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI)
ผลการดำเนินงานในอดีต และ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
|
เอกสารฉบับนี้ จัดทำขึ้นโดย K-Expert โดยใช้ข้อมูล และ คำแนะนำจาก บล.กสิกรไทย และ บลจ.กสิกรไทย