K WEALTH / บทความ / Market Update / ประเด็นร้อน : หุ้นยุโรปปรับตัวบวก แต่ยังมี 3 ปัจจัยลบกดดัน
09 สิงหาคม 2565
2 นาที

ประเด็นร้อน : หุ้นยุโรปปรับตัวบวก แต่ยังมี 3 ปัจจัยลบกดดัน


​​​​​​“

ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา กองทุนดัชนีหุ้นยุโรป ราคามีการปรับตัวสูงขึ้น ดูได้จากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 เดือน ณ 5 ส.ค. 65 ของกองทุน K-EUX +10.51% สอดคล้องกับกองทุนหลัก iShares EURO STOXX 50 UCITS ETF (DE) ที่ +7.97% เทียบกับ 30 มิ.ย. 65 รวมถึงดัชนี Euro Stoxx 50 ของยุโรป ที่ +7.83% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเช่นกัน



เหตุผลที่กองทุนดัชนีหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น

หากพิจารณาหุ้น 10 อันดับแรก ที่กองทุนหลักของ K-EUX ลงทุนมากที่สุด ณ 30 มิ.ย. 65 คิดเป็นสัดส่วนรวม 42.73% ของมูลค่ากองทุน พบว่า ส่วนใหญ่ราคาปรับตัวขึ้น โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่าง


ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ไตรมาส 2 ที่ออกมาในด้านบวก โดยกองทุน iShares EURO STOXX 50 UCITS ETF (DE) ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกองทุน K-EUX มีสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐฯ 5.29% (ณ 30 มิ.ย. 65)


ประกอบกับตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของยุโรปในไตรมาส 2 ที่ออกมาดีกว่าที่คาด โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มพลังงาน ราคากองทุนดัชนีหุ้นยุโรปจึงปรับตัวสูงขึ้นตาม โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสูงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ 

     • ASML Holding NV เป็นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ผลิตชิปมือถือและคอมพิวเตอร์ 

     • LVMH เป็นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ผู้ผลิตสินค้าแฟชั่นแบรนด์หรู 

     • L’Oreal SA เป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ผู้ผลิตของใช้ส่วนตัว 

     • Siemens AG เป็นกลุ่มอุตสาหกรรม ผู้ผลิตเทคโนโลยีและพลังงาน


สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี ณ 5 ส.ค. 65 ของกองทุน K-EUX อยู่ที่ +4.07% ต่อปี โดยกองทุนนี้มีการลงทุนในหุ้นต่างประเทศซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้มีความผันผวนได้ในระยะสั้น จึงเหมาะกับการลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป



มุมมองการลงทุน

แม้ตลาดหุ้นยุโรปมีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างสูง ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังมี 3 ปัจจัยลบกดดัน ได้แก่ 

     1. ตัวเลขเงินเฟ้อยุโรปที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและมีทิศทางเป็นขาขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจยุโรป 

     2. การขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ยิ่งเป็นการกดดันเศรษฐกิจยุโรปเพิ่มเติม ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่เศรษฐกิจยุโรปจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ในเร็วๆ นี้ 

     3. ปัญหาการขาดแคลนก๊าซของยุโรปยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงที่รัสเซียจะระงับการส่งก๊าซไปยังยุโรป เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจยุโรป และราคาพลังงาน



คำแนะนำการลงทุน

     ● สำหรับผู้ที่ถือกองทุน K-EUX, K-EUROPE-A(D) และ K-EUSMALL อยู่ แนะนำหาโอกาสขายคืนหรือทยอยลดสัดส่วนลง 

     ● ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนกองทุน K-EUX, K-EUROPE-A(D) และ K-EUSMALL เพิ่ม ไม่แนะนำลงทุน 

     ● สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แนะนำพักเงินในกองทุน K-CASH เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง ดูผลการงานดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ www.kasikornasset.com 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, morningstarthailand, Investing.com, Infoquest 


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”




บทความโดย K WEALTH TRAINER สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

เจาะกำไรหุ้นยุโรป-สหรัฐฯ และทิศทางเศรษฐกิจโลก
ประเด็นร้อน : ติดตามตลาดหุ้นสหรัฐฯและจีน หลังประกาศงบและตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ
ประเด็นร้อน : ตลาดไม่หวั่น แม้ธนาคารกลางยุโรปขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าคาด