04 มี.ค. 62

RMF สิ่งดีดีที่คุณคู่ควร

คะแนนเฉลี่ย

ภาษี

​RMF สิ่งดีดีที่คุณคู่ควร


​​​ในขณะที่ความไม่แน่นอนของสิทธิในการลดหย่อนภาษีจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือคนส่วนใหญ่มักจะเรียกว่า “กองทุน LTF" จะต่ออายุหรือไม่ในปี พ.ศ. 2563 คงทำให้ผู้ที่มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีนั้นกังวลใจกันอยู่ไม่น้อย K-Expert จึงอยากแนะนำทางเลือกในการลงทุนที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน นั่นคือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ขอเรียกสั้นๆ ว่า “กองทุน RMF" โดยกองทุนประเภทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเก็บเงินก้อนไว้ใช้ในยามที่เราเกษียณอายุจากการทำงานได้ ซึ่งกองทุนนี้มักจะถูกมองข้ามเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าต้องลงทุนยาว จึงได้รับความนิยมน้อยกว่ากองทุน LTF แต่สิ่งดีๆ ของกองทุน RMF จริงๆ แล้วมีค่อนข้างเยอะ และหลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน K-Expert จึงอยากแนะนำข้อดีของกองทุน RMF เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนดังนี้

 

ข้อที่ 1 มีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย และสามารถสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนได้

กองทุน RMF แม้เป็นการลงทุนระยะยาว แต่มีทางเลือกในการลงทุนมากกว่ากองทุน LTF ที่เน้นลงทุนในหุ้นเป็นหลักซึ่งมีความเสี่ยงสูง

โดยกองทุน RMF นั้นมีทางเลือกให้ผู้ลงทุนได้ตัดสินใจที่หลากหลาย เช่น คนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ หรืออยากปกป้องเงินลงทุนให้ได้มากที่สุด ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างเช่น กองทุน RMF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น หรือผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง คือรับความเสี่ยงจากการขาดทุนได้บ้าง ก็มีกองทุน RMF ที่ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนที่ลงทุนผสมระหว่างตราสารหนี้และหุ้น ตามสัดส่วนให้เลือกมากมาย สำหรับคนที่อยากได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น และสามารถรับความเสี่ยงได้สูง ก็มีให้เลือกเช่นกัน ทั้งกองทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้นไทยหรือต่างประเทศ การลงทุนทางเลือก เช่น น้ำมัน หรือ ทองคำ ทำให้ผู้ลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนที่เหมาะกับตนเองได้มากกว่านั่นเอง

แม้บางคนอาจจะมองว่าการลงทุน RMF นั้นต้องลงทุนต่อเนื่องค่อนข้างนาน แต่ในระหว่างทางเราสามารถสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนในกลุ่ม RMF ด้วยกันได้

ยกตัวอย่างเช่น หากเราเลือกนโยบายการลงทุนของกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น และรู้สึกว่าปัจจุบันราคาขึ้นมาค่อนข้างสูง จึงอยากลดความเสี่ยง และอยากที่จะทำกำไรออกมา เราสามารถสับเปลี่ยนการลงทุนจากกองทุน RMF เดิมที่ลงทุนในหุ้นไปเป็นกองทุน RMF ใหม่ที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าได้ และไม่ผิดเงื่อนไขอีกด้วย ซึ่งนอกจากจะได้กำไรจากราคา NAV ที่สูงขึ้นของกองทุนเดิมแล้ว เรายังสามารถลดความเสี่ยงในขณะที่ตลาดผันผวนได้อีกด้วย

โดยเราสามารถสับเปลี่ยนการลงทุนระหว่างทางแบบนี้ได้ตลอดเวลา และส่วนใหญ่หากเราสับเปลี่ยนในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เดียวกัน มักจะไม่เสียค่าธรรมเนียมอีกด้วย ทั้งนี้ ก่อนจะสับเปลี่ยน ขอแนะนำให้ปรึกษา บลจ. ถึงเงื่อนไขก่อนนะครับ

 

ข้อที่สอง เมื่อถือครบตามเงื่อนไขของกองทุน RMF เราสามารถขายคืนได้ทั้งก้อนที่เราซื้อมา

ข้อนี้ถือเป็นข้อดีที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากเราทำตามเงื่อนไขในการลงทุน เราสามารถที่จะขายกองทุน RMF ได้ทั้งก้อนที่เราซื้อมาได้เลย จึงทำให้ได้สิทธิประโยชน์มากกว่ากองทุน LTF ที่สามารถขายได้เฉพาะส่วนที่ถือลงทุนครบตามเงื่อนไข 7 ปฏิทินเท่านั้น โดยเฉพาะคนที่อายุ 51 ปีขึ้นไป หากเริ่มต้นลงทุน RMF และลงทุนต่อเนื่องทุกปีจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ก็สามารถขายได้ทุกก้อนนั่นเอง ถือเป็นประโยชน์มากๆ เลยนะครับ แต่อย่าลืมปฏิบัติตามเงื่อนไขของกองทุนกันด้วย โดยมีเงื่อนไขดังนี้

เงื่อนไขของกองทุน RMF

1. ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้พึงประเมินที่เสียภาษีในปีดังกล่าว หรือไม่น้อยกว่า 5,000 บาท โดยนับจำนวนที่ต่ำกว่าเป็นเกณฑ์ หากจะเว้นก็เว้นได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน

2. ลงทุนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่เสียภาษี โดยเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบข. ประกันชีวิตแบบบำนาญ และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชนแล้ว ลงทุนได้สูงสุดไม่เกินปีละ 500,000 บาท

3. สามารถขายคืนได้ต่อเมื่อมีอายุไม่น้อยกว่า 55 ปีบริบูรณ์ (ขายได้หลังวันเกิดของตนเอง) โดยต้องลงทุนต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็ม หากปีไหนไม่ลงทุนจะไม่นับปีการลงทุน

 

ข้อที่สาม ช่วยสร้างวินัยการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และได้รับผลตอบแทนทบต้นในระยะยาว

การลงทุนในกองทุน RMF เป็นการลงทุนระยะยาว หากลงทุนครบเงื่อนไขแล้วจะสามารถขายได้ต่อเมื่ออายุไม่น้อยกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ทำให้เราต้องมีวินัยในการลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี เพราะการผิดเงื่อนไขจะตามมาด้วยบทลงโทษ จึงเหมาะกับคนที่มักจะเก็บเงินไม่ค่อยอยู่และต้องการสร้างวินัยการลงทุนในทุกๆ ปีนั่นเอง

สำหรับผลตอบแทน นอกจากจะได้จากเงินลงทุนใหม่ที่เราลงทุนเพิ่มในทุกๆ ปีแล้ว เรายังได้รับผลตอบแทนจากเงินก้อนเดิมอยู่ โดยผลตอบแทนจะทบต้นไปเรื่อยๆ ทำให้เมื่อเราเกษียณ เราพอจะอุ่นใจได้ว่าจะมีเงินก้อนไว้ใช้ในยามเกษียณได้สบายยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่กลัวว่าจะลืมลงทุน หลายๆ บลจ. ก็มีระบบในการช่วยหักเงินลงทุนให้แบบอัตโนมัติ โดยเราสามารถกำหนดจำนวนเงิน วันที่ในการให้ตัดเงินดังกล่าวจากบัญชีที่ได้กำหนดไว้ และเลือกกองทุนที่ต้องการลงทุนได้อีกด้วย ถือเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนที่ขี้ลืมกันนะครับ โดยบริการนี้ทาง บลจ.กสิกรไทย จะเรียกว่า K-Saving Plan นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ลองคำนวณ 15% จากรายได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี แล้วนำเงินดังกล่าวมาหารด้วย 12 เพื่อทำเป็นจำนวนเงินที่เราสามารถซื้อกองทุน RMF ได้ต่อเดือนด้วยการใช้บริการ K-Saving Plan ในการหักเงินลงทุนผ่านทางธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านทาง K-Cyber Invest โดยเลือกการซื้อล่วงหน้า หรือผ่านทางแอปพลิเคชัน K-My Funds โดยเลือกซื้อในรูปแบบสร้างแผนการซื้อก็สามารถทำได้เช่นกัน

 

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าปีนี้จะลดหย่อนภาษีด้วยวิธีไหน กองทุน RMF เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการใช้ลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจ ส่วนใครที่เริ่มสนใจลงทุน อย่าลืมหาความรู้เพิ่มเติมถึงรายละเอียดเงื่อนไข และทำแบบประเมินความเสี่ยงเพื่อเลือกกองทุนให้เหมาะสมกับตนเอง มาเริ่มลงทุนกันตั้งแต่วันนี้ด้วยกันนะครับ เพื่อที่นอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว ยังได้รับผลตอบแทนทบต้นอีกด้วย

 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

5 เรื่องน่ารู้ก่อนลงทุน RMF​

เทคนิคเลือก RMF ให้เหมาะกับตัวเร​​า


ให้คะแนนบทความ

สราวุธ เจษฎางษ์กุล AFPT

ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า ธนาคารกสิกรไทย