31 ต.ค. 57

รู้จักกับตัวช่วย เพื่อบรรเทาปัญหาเงินขาดมือ

คะแนนเฉลี่ย

ออมและลงทุน

​​​​รู้จักกับตัวช่วย เพื่อบรรเทาปัญหาเงินขาดมือ


“การกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิต
นำบ้านและรถมาเป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อ
เป็นตัวช่วยในการบรรเทาปัญหาเงินขาดมือ”
- K-Expert -

          เมื่อเกิดปัญหาเงินขาดมือ หรือเงินที่มีไม่พอกับค่าใช้จ่าย นอกจากการขอหยิบยืมจากคนใกล้ตัวแล้ว การขอสินเชื่อก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้ แต่เนื่องจากรูปแบบของสินเชื่อที่มีหลากหลาย ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า จะขอสินเชื่อแบบไหนดี และมีการคิดอัตราดอกเบี้ยมากน้อยแค่ไหน บทความนี้มีคำตอบมาฝากกันค่ะ

​กู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิต
          หลายคนคงไม่ทราบว่า กรมธรรม์ประกันชีวิตที่เรามี หากมีมูลค่าเงินสดหรือมูลค่าเวนคืนเกิดขึ้นแล้ว เราสามารถนำมาเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินได้ โดยทั่วไปมูลค่าเวนคืนจะเกิดขึ้นเมื่อชำระค่าเบี้ยเป็นเวลา 2 ปีขึ้นไป และเราสามารถกู้ได้ไม่เกินมูลค่าเวนคืนที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เช่น ทำประกันครบ 10 ปี ในตารางระบุมูลค่าเวนคืนเท่ากับ 90 หมายความว่า เงินเอาประกันภัย 1,000 บาท กรมธรรม์นี้มีมูลค่าเวนคืน 90 บาท ดังนั้น ถ้าทำประกันโดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัย 1 ล้านบาท จะมีมูลค่าเวนคืนเท่ากับ 90,000 บาท ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยในการขอกู้เงินจากกรมธรรม์ อัตราดอกเบี้ยที่บริษัทประกันคิดจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระบุไว้ที่หน้ากรมธรรม์ 2% เช่น หน้ากรมธรรม์ระบุอัตราดอกเบี้ยที่ 4% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยของการกู้เงินกรมธรรม์จะเท่ากับ 6% ต่อปี ดังนั้น การกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ หากเราจำเป็นต้องการใช้เงิน เพราะอัตราดอกเบี้ยนับว่าต่ำเมื่อเทียบกับเงินกู้แหล่งอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระวังคือ หากเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างชำระมีมูลค่ามากกว่าเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ในขณะนั้น จะทำให้กรมธรรม์สิ้นผลบังคับซึ่งเท่ากับว่าความคุ้มครองจะหมดไปค่ะ

ใช้สินทรัพย์เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ
          บ้านและรถนับว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงของคนเรา ในกรณีที่ขัดสนเงิน หรือมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน สามารถนำทรัพย์สินเหล่านี้มาแปลงเป็นเงินสด สำหรับการนำบ้านมาเป็นหลักประกันเพื่อขอเงินกู้กับธนาคารนั้น ธนาคารจะให้วงเงินกู้ประมาณ 70-80% ของราคาประเมิน โดยอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 7.5% ต่อปี (ข้อมูล ณ 31 ตุลาคม 2557) และเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก โดยระยะเวลาการผ่อนของสินเชื่อประเภทนี้จะค่อนข้างสูงอยู่ที่ 15 ปี
          ส่วนการนำรถมาเป็นหลักทรัพย์เพื่อขอสินเชื่อนั้น ปกติแล้ว ธนาคารจะให้วงเงินประมาณ 80% ของราคาประเมิน โดยมีการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) ซึ่งปัจจุบันสูงสุดไม่เกิน 13% ต่อปี หรือถ้าคิดแบบลดต้นลดดอกจะอยู่ที่ประมาณ 23% ต่อปี และมีระยะเวลาผ่อนประมาณ 12-60 เดือน 
          การนำบ้านหรือรถซึ่งเป็นทรัพย์สินที่สำคัญของเรามาเป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อนั้น ควรมั่นใจว่า ตัวเรามีความสามารถในการชำระหนี้ เพราะหากไม่สามารถชำระหนี้ได้ บ้านหรือรถที่นำมาเป็นหลักประกันจะถูกยึดได้ค่ะ

กดเงินจากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด
          เมื่อต้องการเงินสด การกดเงินจากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดเป็นวิธีที่เราสามารถได้เงินมาอย่างง่ายดาย เพียงแค่เดินไปที่ตู้ ATM ก็จะได้เงินสดมาแล้ว แต่เพราะความสะดวก ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก และไม่มีอะไรมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้การกู้เงินหรือขอสินเชื่อด้วยวิธีนี้มีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงอยู่ที่ 20-28% ต่อปี โดยดอกเบี้ยจะถูกคิดนับตั้งแต่วันที่เรากดเงินจากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด นอกจากนี้ การกดเงินจากบัตรเครดิตยังมีค่าธรรมเนียมในการกดอยู่ที่ 3% ของยอดเงินที่กดอีกด้วย จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงแบบนี้ อยากให้การกดเงินจากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดเป็นทางเลือกลำดับท้ายๆ หากต้องการใช้เงินฉุกเฉินค่ะ

          เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเงินขาดมือ การมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ โดยบัญชีที่ใช้เพื่อสำรองเงินเผื่อฉุกเฉินควรเป็นบัญชีที่แยกออกจากเงินที่ใช้จ่ายเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่า เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นแล้ว จะได้มีเงินเพียงพอ ไม่ต้องไปหยิบยืมหรือขอสินเชื่อค่ะ

​​​

ให้คะแนนบทความ

ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า

ธนาคารกสิกรไทย