04 ส.ค. 63

เที่ยววิธีใหม่ สไตล์คนโสดสนิท

คะแนนเฉลี่ย

ออมและลงทุน

​​​​​​เที่ยววิธีใหม่ สไตล์คนโสดสนิท


          วิถีชีวิตใหม่ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนชีวิตประจำวัน ยังส่งผลต่อวิถีการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ไม่ว่าการเว้นระยะห่าง ทานอาหารมีฉากกั้น กิจกรรมสังสรรค์แบบมีข้อจำกัด ที่อาจขัดใจสายเที่ยวหลายคน แต่สำหรับคนโสดที่ปกติเที่ยวคนเดียวอยู่แล้วหรือลึกๆ เป็นคนอยากเที่ยวแต่ยังเขินๆ ที่จะเที่ยวคนเดียว วิถีเที่ยวยุคใหม่แบบนี้แหล่ะคือ การเที่ยวในฝันของ หนุ่นสาวชาวโสดอย่างเรา เพราะเที่ยวคนเดียวได้ไม่สะดุดตาใคร แทบไม่เจอคู่รักไหนมาทำหวานซึ้งแบบแนบชิดในที่สาธารณะให้เห็นได้ง่ายๆ จะได้ไม่ต้องอิจฉาตาร้อนให้ขัดใจคนโสดอย่างเรา


เตรียมพร็อพ ก่อนออกเที่ยว


หากเป็นยุคก่อนโควิด 19 พร็อพที่ต้องมีคงไม่พ้น เสื้อผ้าสวยๆ แว่นตาเท่ๆ และมือถือสเปคกล้องสูงพร้อมเมมโมรี่และแอปพลิเคชันแต่งรูปครบครัน แต่ในยุคเที่ยววิถีใหม่พร็อพเดิมๆ คงไม่พอ หรือมือถือก็มีบทบาทใหม่ที่นอกจากใช้ถ่ายรูปแล้ว ยังต้องพร้อมหยิบมาสแกน QR ทันทีที่เข้าออกสถานที่ต่างๆ เพื่อ Check-in และ Check-out บนระบบไทยชนะ ด้วย

เมื่อมือถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ พร็อพที่ต้องตามมาก็คือ พาวเวอร์แบงค์ ที่ต้องมีแบตเต็มและมีขนาดพร้อมใช้งานได้ทั้งวัน แต่ต้องไม่ใหญ่จนหนักเกินไปด้วย เพราะออกเที่ยวทั้งที ก็ต้องพร้อมอัพรูป แชร์สตอรี่ เพื่อเรียกยอด like ยอด comment ให้ชาวโซเชียลรู้ว่า คนโสดอย่างเราก็เที่ยวได้ และเผื่อมีใครโสดและชอบเที่ยวเหมือนเรา รอบหน้าจะได้ไม่ต้องเหงาเที่ยวคนเดียวอีกต่อไป

อีกพร็อพที่สำคัญ ไม่มีไม่ได้ เพราะแค่ออกจากบ้านก็ไม่ได้แล้วนั่นคือหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ซึ่งถ้าจะออกไปเที่ยวทั้งทีก็ต้องมีสำรองติดกระเป๋าไว้อีกไม่น้อยกว่า 2-3 ชิ้น เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อนออกจากบ้านแค่ไม่กี่ชั่วโมงเหงื่อก็ออกจนเหม็นอับแล้ว รวมถึงเจลล้างมือก็ต้องมี เพราะไปเที่ยวแบบนี้ คงหนีไม่พ้นการหยิบจับสิ่งของร่วมกับคนอีกนับร้อย การล้างมือบ่อยๆ ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเที่ยววิถีใหม่แบบนี้

เที่ยวตัวเมือง สไตล์คนโสด


สำหรับคนเที่ยวแบบเน้นสบาย คงเป็นการเที่ยวตัวเมืองตามร้านเด็ดแอร์เย็นๆ ไม่ว่าเป็นสาย “อัพรูปอาหาร” ตามร้านคาเฟ่ชิคๆ โต๊ะเล็กๆ ไม่ต้องยุ่งกับใคร เพราะถ้าไม่ได้มาด้วยกัน ร้านส่วนใหญ่ก็ห้ามนั่งติดกันอยู่แล้ว ส่วนจะถ่ายจานเดียวสวยๆ หรือสั่งสองจานเบาๆ กินคนเดียวหมดแล้วอัพรูปจานคู่ พร้อมแคปชั่นอ่อยๆ (ที่กว่าจะคิดออกอาหารก็หมดจาน) ก็เรียกร้องความสนใจได้ไม่เบา แต่ถ้าให้ดีควรหลีกเลี่ยงร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าหรือร้านตามแนวรถไฟฟ้าที่คนอาจหนาแน่น ลองเลี่ยงไปร้านรีวิวเด็ดที่เข้าซอยสักนิดหรือชานเมืองสักหน่อย แบบที่ต้องมีรถยนต์ถึงไปได้ คนน่าจะไม่แน่นมาก ส่วนเรื่องเดินทางถ้าไม่อยากขับรถก็เรียกใช้ Grab Car / Grab Taxi ได้ ยิ่งจ่ายด้วย Grab Wallet ยิ่งสะดวก แถมอาจได้ point เพิ่มด้วย

ส่วนใครเป็นสายกินจัดหนัก ต้องบุฟเฟ่ต์ไม่อั้นเท่านั้น ที่เมื่อก่อนจะกินสักทีต้องหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เพราะจะไปกินคนเดียวก็ต้องเผชิญกับสายตาจากโต๊ะรอบข้างที่จ้องประเมิน level ความโสดของคนมากินบุฟเฟ่ต์คนเดียวอย่างเรา แต่ด้วยวิถีชีวิตใหม่ คนโสดอย่างเราสามารถเดินเข้าร้านบุฟเฟ่ต์ได้อย่างไม่ต้องแคร์สายตาใคร เพราะส่วนใหญ่ต่อให้มาคู่หรือมากลุ่ม ก็มักถูกจับนั่งแยกโต๊ะกันอยู่ดี มาถึงจุดนี้จะกินบุฟเฟ่ต์ทุกเย็นก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แต่ควรเช็กเงินในกระเป๋า รวมถึงโปรโมชันบัตรเครดิตและบัตรเดบิตกสิกรไทย สักหน่อย ก่อนเงินเดือนที่ได้จะอยู่ไม่ถึงสิ้นเดือน

   ใครเป็นสายดูหนัง ช่วงนี้ก็จะสบายหน่อย ตรงที่ไม่ต้องนั่งเบียดกับใคร เพราะตอนนี้โรงหนังส่วนใหญ่เขาให้นั่ง 2 ที่ เว้น 2 ที่ ใครที่ไปเป็นคู่ก็ปล่อยเขานั่งด้วยกันไป แต่คนโสดที่ไปนั่งดูหนังคนเดียว รับรองจองที่นั่งไปแล้ว ถ้าไม่ใช่หนังดังติดเทรนคงไม่มีใครมาจองนั่งข้างเราแน่นอน แต่ถ้ามีคนมานั่งข้างเราก็ตั้งสมมติฐานก่อนได้เลยว่า เขาหรือเธอคนนั้นอาจจะโสดเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไปนั่งเป็นคู่แล้ว ดีไม่ดีหลังหนังจบไม่กี่วันทั้งเราและเขาอาจไม่โสด หรือโสดแบบมีคนคุยก็ได้ ใครจะไปรู้ หรือจะเริ่มต้นด้วยชวนกันไปดูหนังเรื่องถัดไปด้วยตั๋วราคาพิเศษแค่ที่ละ 100 บาท เพียงจ่ายด้วยบัตรเดบิตกสิกรไทย​ ที่ใช้สิทธิได้ 2 ที่นั่งต่อเดือน แล้วจะชวนกันมาใช้สิทธิทุกเดือน จนกว่าจะหมดโปรโมชันก็คงดีกว่ามานั่งดูหนังเหงาๆ อยู่คนเดียว

​​

ออกเที่ยวต่างจังหวัด สไตล์คนโสด


วันทำงานก็อยู่แต่ในเมือง วันเสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องออกไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ถ้า Budget เยอะหน่อยก็ไปแบบนอนค้างคืน ถ้า Budget น้อยหน่อยก็ไปแบบเช้าไปเย็นกลับก็ยังดี และด้วยวิถีชีวิตใหม่จะไปเที่ยวไกลๆ แบบขึ้นเครื่องบินนอกจากไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ยังเสี่ยงต่อการอยู่ในพื้นที่ปิดร่วมกับคนอื่นๆ เป็นเวลานานด้วย ทางเลือกจังหวัดที่ไม่ไกลนัก ขับรถส่วนตัวไปเองได้แบบไม่เหนื่อยนักน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกับเที่ยววิถีใหม่แบบนี้

อย่างคนที่อยู่กรุงเทพฯ ลองเช็กจังหวัดข้างเคียงที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของแต่ละภูมิภาค (อ้างอิงข้อมูลจำนวนผู้เยี่ยมเยือน ธ.ค. 62 จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) ที่สามารถขับรถไปเองได้ ก็คงไม่พ้น 4 จังหวัดนี้ ได้แก่ (1) จ.อยุธยา (ภาคกลาง) สำหรับคนสายวัฒนธรรม แหล่งโบราณสถานและศาสนสถานต่างๆ (2) จ.ชลบุรี (ภาคตะวันออก) สำหรับคนสายกินซีฟู้ดสดๆ นั่งกินและชมบรรยากาศไปพร้อมๆ กัน (3) จ.เพชรบุรี (ภาคตะวันตก) สำหรับคนสายเล่นน้ำทะเลและเดินเล่นชายหาด (4) จ.นครราชสีมาหรือโคราช (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) สำหรับคนสายเที่ยวอุทยานและฟาร์มธรรมชาติ ยิ่งช่วงนี้ภาครัฐส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวข้ามจังหวัดผ่านแพ็คเกจ "เราเที่ยวด้วยกัน" ด้วย ซึ่งมีทั้งส่วนลดค่าที่พัก คูปองค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น ซึ่งต้องลงทะเบียนในช่วง 1 ก.ค. – 31 ต.ค. 63 ตามเงื่อนไขของโครงการ รวมถึงโปรโมชันต่างๆ มากมาย เช่น K+ Market รวมใจเที่ยวไทย  บัตรเดบิตกสิกรไทย  และบัตรเครดิตกสิกรไทย  ที่มีส่วนลดทั้งที่พัก รถเช่า และอื่นๆ อีกมากมาย

และเมื่อต้องขับรถทางไกลโดยเฉพาะเดินทางคนเดียว เพื่อความมั่นใจก่อนออกเดินทางก็อย่าลืมเช็กสภาพรถยนต์สักนิด ถ้าใครมีบัตรพีทีทีบลูเครดิตการ์ด ลองนำรถไปใช้บริการที่ B-Quik ที่แบ่งผ่อน 0% พร้อมรับเครดิตเงินคืนได้ รวมถึงการใช้จ่ายที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ทั้งเติมน้ำมันและแวะซื้อกาแฟ ก็ได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย หรือถ้าจะแวะร้านสะดวกซื้อ ก็แค่หยิบ K PLUS มาจ่ายค่าสินค้าผ่าน QR Code โดยไม่ต้องสัมผัสเงินสดเลยก็ได้ ส่วนร้านไหนที่ไม่รับ QR Code และบังเอิญเตรียมเงินสดไปไม่พอ ลองมองหาตู้ ATM กสิกรไทยที่อยู่ใกล้ๆ แล้วกดเงินแบบไม่ใช้บัตรด้วย K PLUS ที่อยู่ในมือถือก็ได้ เพราะเที่ยวคนเดียวเงินสดไม่ควรพกเยอะเดี๋ยวจะเสี่ยงต่อการถูกจี้ปล้นได้ แล้วถ้าใช้ K PLUS ก็ไม่ต้องห่วงว่าตู้ ATM ของธนาคารกสิกรไทยจะหายากเลย เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มี

เมื่อเช็กสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทางแล้ว ก็อย่าลืมเช็กสภาพตัวเอง ต้องนอนให้เต็มอิ่มก่อนออกเดินทาง เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อไม่ใช่แค่ระหว่างขับรถ แต่ระหว่างท่องเที่ยวในตัวจังหวัดก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ไม่ว่าจะลื่นหกล้ม ถูกสัตว์หรือแมลงมีพิษกัดต่อย การมีประกันอุบัติเหตุไว้คุ้มครองระหว่างท่องเที่ยวก็ช่วยให้อุ่นใจได้ โดยจะเป็นแบบคุ้มครองสั้นๆ 1-4 วัน เบี้ยแค่ 15 บาท ด้วยประกันเดินทางเที่ยวไทย  ก็ได้ แต่ถ้าจะให้สบายใจ ทั้งช่วงท่องเที่ยววันหยุดและการเดินทางไปทำงานทุกวัน ประกันภัยอุบัติเหตุ P.A. Easy Plus​  ที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ค่าเบี้ยเฉลี่ยไม่ถึงวันละ 3 บาท น่าจะคุ้มค่ากว่า แถมซื้อได้ทันทีบน K PLUS ได้เลย อย่างน้อยถ้าเกิดอุบัติเหตุก็คิดซะว่าได้มีโอกาสไปเจอนางพยาบาลสวยๆ คุณหมอหล่อๆ โดยไม่ต้องควักเงินค่ารักษาพยาบาลเอง


สุดท้ายหลังเที่ยวเสร็จ ไม่ว่าจะเที่ยวในเมืองหรือกลับมาจากต่างจังหวัด ก่อนเข้าบ้านก็อย่าลืมล้างมือด้วยเจลจะได้ไม่นำเชื้อโรคเข้าบ้าน แล้วรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย ก่อนมานั่งเช็กเงินทั้งหมดที่จ่ายไปตลอดทริป ไม่ว่าจะเป็นเงินสดที่เพิ่งกดออกจากตู้ ยอดเงินโอนผ่าน QR Code ยอดรูดบัตรเครดิตบัตรเดบิต และถ้า Budget ของทริปนี้ยังเหลือ จะกันไว้ในบัญเงินฝาก K-eSavings ที่ดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ปกติ เผื่อไว้ไปใช้ต่อทริปหน้าก็ได้ ซึ่งที่ว่ามาทั้งหมดทั้งการเช็กประวัติการใช้จ่าย เปิดบัญชีและโอนเงินเข้าบัญชี K-eSavings ก็ทำได้ง่ายจบในที่เดียวบน K PLUS เลย




ผลิตภัณฑ์ หรือ Tools ที่เกี่ยวข้อง:

​​หาโปรสุดคุ้มเที่ยวได้ชิล ๆ K+ Market รวมใจเที่ยวไทย   ​​
​เก็บเงินเที่ยวง่าย ๆ ไม่ต้องพกสมุดบัญชีด้วย K-eSavings  

​ประกันเดินทางประเทศไทย 


​ประกันภัยอุบัติเหตุ P.A. Easy Plus   

ค้นหาสิทธิประโยชน์บัตรเดบิต 
หาโปรบัตรเครดิตสุดคุ้ม และ เดบิต ที่โดนใจ



บทความที่เกี่ยวข้อง:


ให้คะแนนบทความ

ราชันย์ ตันติจินดา CFP®

ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า ธนาคารกสิกรไทย