1. คำอธิบายผลิตภัณฑ์ โดยย่อ
สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ ที่ต้องการวงเงินเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ หรือ เพื่อลงทุนในกิจการหรือในสินทรัพย์ถาวร เช่น สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร เป็นต้น โดยมีหลักประกันและมีไม่หลักประกัน
2. ลักษณะที่สำคัญของผลิตภัณฑ์
- กลุ่มลูกค้า : สำหรับบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล
- วงเงินสินเชื่อ
- แบบไม่มีหลักประกัน : สูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท
- แบบมีหลักประกัน : สูงสุดไม่เกิน 12 ล้านบาท
- ประเภทวงเงิน
- แบบไม่มีหลักประกัน : วงเงินกู้ระยะยาว (Loan) / วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (Overdraft)
- แบบมีหลักประกัน : วงเงินกู้ระยะยาว (Loan) / วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (Overdraft) / ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note) และ หนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee)
- ระยะเวลาผ่อนชำระ สำหรับวงเงินกู้ระยะยาว (Loan)
- แบบไม่มีหลักประกัน: สูงสุด 5 ปี
- แบบมีหลักประกัน: สูงสุด 20 ปี (ขึ้นกับวัตถุประสงค์การกู้)
- อัตราดอกเบี้ย
- แบบไม่มีหลักประกัน: สูงสุด MRR+11.000% ต่อปี
- แบบมีหลักประกัน: สูงสุด MRR+3.000% ต่อปี
- การคำนวณดอกเบี้ย : รายวัน (โดยชำระทุกเดือน)
- อัตราดอกเบี้ยกรณีผิดนัดชำระหนี้
- คิดอัตราปกติตามสัญญาบวกอีกไม่เกิน 3.000% ต่อปี ของเงินต้นในงวดที่ผิดนัดชำระ
3. อัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ
- ค่าธรรมเนียมจัดการให้กู้ : สูงสุด 3.000% ของวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ
- ค่าเบี้ยประกันภัย : ตามค่าเบี้ยประกันที่ระบุในกรมธรรม์ของบมจ.เมืองไทยประกันภัย หรือบริษัทประกันภัยอื่น
- ค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ
- ค่าอากรแสตมป์ ต้นฉบับสัญญาประธาน (0.050% ของวงเงิน สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท)
- ค่าอากรแสตมป์ คู่ฉบับสัญญาประธาน (5 บาท)
- ค่าธรรมเนียมจากการยกเลิกวงเงิน : 3.000% ของจำนวนเงินส่วนที่ยกเลิก / ไม่เบิกใช้ หรือตามอัตราที่ตกลงกับลูกค้าแต่ละราย
- ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
- หากท่านมีปัญหาในการชำระคืนเงินกู้ตามเวลาที่กำหนด กรุณาแจ้งให้ทางธนาคารทราบทันที เพื่อร่วมกันพิจารณาเงื่อนไขการชำระคืนในรูปแบบอื่น
5. ข้อกำหนดเกี่ยวกับผู้ค้ำประกันหรือหลักประกัน
- หลักประกันเป็นไปตามเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด
- หลักประกันต้องทำการจำนองกับธนาคาร เพื่อใช้ค้ำประกันภาระหนี้
- หลักประกันต้องได้รับการประเมินราคาจากบริษัทประเมินราคาตามที่ธนาคารกำหนด
- สามารถใช้หลักประกันประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ เช่น เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล ฯลฯ (หรือตามเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด)
6. กรณีชำระเงินกู้ยืมก่อนครบกำหนด
- ค่าธรรมเนียมจากการชำระคืนเงินกู้ทั้งจำนวนหรือบางส่วน ก่อนกำหนดเวลาตามที่ระบุบนสัญญาเงินกู้ :
- 3.000% (สามจุดศูนย์ศูนย์ศูนย์) ของยอดเงินต้นคงเหลือก่อนการชำระคืนก่อนกำหนด ยกเว้นในกรณี ผู้ใช้สินเชื่อผ่อนชำระคืนเงินกู้มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 (ห้า) ปี นับจากวันเบิกรับเงินกู้งวดแรก
- ค่าธรรมเนียมการชำระคืนเงินกู้เกินกว่าค่างวดที่ต้องผ่อนชำระคืนในแต่ละงวดที่ระบุบนสัญญาเงินกู้ :
- 3.000% (สามจุดศูนย์ศูนย์ศูนย์) ของจำนวนเงินที่ผ่อนชำระเกินค่างวดในงวดนั้น โดยคำนวณรวมสะสมและผู้ใช้สินเชื่อจะนำมาชำระพร้อมกับการชำระเงินกู้งวดสุดท้าย ยกเว้นในกรณี ผู้ใช้สินเชื่อผ่อนชำระคืนเงินกู้มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 (ห้า) ปี นับจากวันเบิกรับเงินกู้งวดแรก
7. ความเสี่ยงที่สำคัญของผลิตภัณฑ์
- อัตราดอกเบี้ยของผลิตภัณฑ์ อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) / อัตราดอกเบี้ย ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) / อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงมีการเปลี่ยนแปลงได้ และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น อาจทำให้ผู้กู้ต้องชำระยอดผ่อนชำระสูงขึ้นได้
8. การทำประกันวินาศภัยสำหรับผลิตภัณฑ์
- ทรัพย์สินที่เสนอเป็นหลักประกัน ต้องได้รับการทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัย หากผู้ใช้สินเชื่อไม่ดำเนินการทำประกันภัย หรือ ไม่ได้แสดงสำเนากรมธรรม์(สลักหลังยกประโยชน์ให้ธนาคาร)พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงิน ภายใน 30 วัน หลังจากที่ธนาคารตั้งวงเงินให้แล้ว ผู้ใช้สินเชื่อยินยอมให้ธนาคารดำเนินการแจ้งออกกรมธรรม์ประกันภัยกับ บมจ.เมืองไทยประกันภัย และตัดบัญชีของผู้ใช้สินเชื่อที่มีกับธนาคาร เพื่อชำระค่าเบี้ยประกันภัย รวมถึงการตัดบัญชีเพื่อต่ออายุกรมธรรม์รายปี จนกว่าจะมีการแจ้งยกเลิกการทำประกันภัย
9. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
- เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ
- ลงทุนในกิจการ หรือสินทรัพย์ถาวร เช่น สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร เป็นต้น
10. สิ่งที่ควรทราบเพิ่มเติม
- กรณีต้องการลดภาระค้ำประกันโดย บสย. หรือ ยกเลิกภาระค้ำประกันโดย บสย. ผู้ใช้สินเชื่อต้องแจ้งมายังธนาคาร เป็นลายลักษณ์อักษร ล่วงหน้า ก่อนครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมในปีถัดไป (ตามที่ธนาคารกำหนด)
- กรณีที่ผู้ใช้สินเชื่อ ถึงแก่กรรม โดยที่ผู้ใช้สินเชื่อ ได้ทำประกันภัยคุ้มครองวงเงินสินเชื่อและยกผลประโยชน์ให้แก่ธนาคาร ธนาคารจะดำเนินการติดต่อบริษัทประกันภัย เพื่อจัดสรรเงินที่ได้รับมาชำระหนี้ที่ยังมีภาระคงค้างกับธนาคารก่อน แล้วจึงจัดสรรให้ผู้รับผลประโยชน์ลำดับถัดไป กรณีเงินที่จัดสรรมาชำระหนี้ไม่เพียงพอ/ผู้ใช้สินเชื่อไม่ได้ทำประกันภัยคุ้มครองวงเงิน สินเชื่อและยกผลประโยชน์ให้ธนาคาร ตามกฎหมาย ทายาท/ ผู้จัดการมรดกจะต้องเป็นผู้ชำระหนี้แทนจนครบถ้วนทั้งจำนวน
- กรณีที่ผู้ค้ำประกันเสียชีวิต / ตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ / เลิกกิจการ / ปิดกิจการ / ถูกพิทักษ์ทรัพย์ หรือ ถูกขอยกเลิกการค้ำประกัน ธนาคารมีสิทธิที่จะระงับการเบิกจ่าย หรือเรียกร้องให้ผู้ใช้สินเชื่อจัดหาบุคคลอื่นมาค้ำประกันแทน หรือมีสิทธิบอกเลิกสัญญา และเรียกร้องให้ผู้ใช้สินเชื่อชำระหนี้ที่ค้างชำระคืนได้ แม้ว่าหนี้นั้นๆยังไม่ถึงกำหนดชำระ
- กรณีที่ผู้กู้ผิดนัด / ผิดสัญญา ทางธนาคารมีอำนาจในการหักเงินจากบัญชีเงินฝาก หรือบัญชีอื่นๆ ที่ผู้กู้มีอยู่ เพื่อนำมาชำระหนี้ของผู้กู้ที่ค้างชำระอยู่ได้ ทั้งนี้ ธนาคารจะมีหลักฐานการหักบัญชีให้ผู้กู้ทราบ
- กรณีมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการที่มีผลกระทบต่อการใช้บริการของผู้กู้ ธนาคารจะแจ้งข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้าภายใน 30 วัน
11. รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และช่องทางการติดต่อธนาคารกสิกรไทย
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
- ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์
(K-Contact Center) :
02-8888822 หลังเลือกภาษา กด 65 หรือ ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
12. ทางเลือกอื่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อธุรกิจ
- สินเชื่อ SME อเนกประสงค์
- สินเชื่อที่ไม่ต้องแสดงหลักทรัพย์ค้ำประกันโดยมี บสย. ค้ำประกัน (K-Klean Credit with PG)
- สินเชื่อเกินมูลค่าหลักประกันโดย บสย. ค้ำประกัน (K-PG)
คำเตือน :
- ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ลูกค้าได้รับเงินกู้ กรณีลูกค้าผิดนัดชำระหนี้/ผิดสัญญา อาจมีดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้เพิ่มเติม
- โปรดทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์และเงื่อนไขก่อนลงนาม หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ หรือ
K-Contact Center โทร
02-8888822 หลังเลือกภาษา กด 65
- ธนาคารจำเป็นต้องดำเนินการตามกระบวนการ หากท่านปฏิบัติผิดนัด/ผิดสัญญาของสินเชื่อแต่ละประเภท