พลิกมุมคิดธุรกิจแบรนด์เก๋า
ตำนานบทใหม่
“นันยาง 70 ปี”
ในวิถีคน Gen3

คุณจักรพล จันทวิมล
กรรมการผู้จัดการ
บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด

24 พฤษภาคม 2566

การเดินทางอันยาวนานของรองเท้าผ้าใบนันยาง และรองเท้าแตะสุดคลาสสิคอย่าง ตราช้างดาว ที่อยู่คู่กับคนไทยมากว่า 70 ปี จากรุ่นบุกเบิกจนมาถึงเจนเนอเรชันที่ 3 ภายใต้การนำ
ของ “จักรพล จันทวิมล” ซึ่งวันนี้ได้มาเผยเรื่องหลังบ้านของครอบครัวนันยาง ในการรับ-ส่งธุรกิจอย่างไร? ถึงไม่สะดุด! และพร้อมจะส่งไม้ต่อให้กับทายาทรุ่นต่อไปได้อย่างมั่นคง

Gen 1 บุกเบิก Gen 2 เติบโต Gen 3 ต่อยอด
  • ติดต่อทำธุรกิจกับสิงคโปร์ นำเข้า รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล พื้นยางสีน้ำตาล เริ่มขายคู่ละ 12 บาท
  • ปรับชื่อแบรนด์ เป็น หนัน หยาง (Nan-Yang) กลายมาเป็นคำติดปาก นันยาง ในปัจจุบัน
  • ก่อตั้ง บริษัท ผลิตยางนันยาง (ไทย) พ.ศ.2490
  • จดทะเบียนการค้า นันยางตราช้างดาว พ.ศ. 2492
  • กำเนิดรองเท้าแตะตราช้างดาว มีสองสี คือ สีน้ำตาลและ สีน้ำเงิน ใน พ.ศ. 2499
  • พัฒนารองเท้านันยางสำหรับแบดมินตันโดยเฉพาะจุดเด่นคือเป็นรองเท้าพื้นเขียว
  • ขยายกลุ่มเป้าหมาย ไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ นักกีฬา กิจกรรมผจญภัย ตลอดจนงานอุตสาหกรรม โรงงาน ขนส่ง เกษตร หรือ ผู้มีอาชีพรับจ้างทั่วไป
  • จับตลาด ตะกร้อ ระดับนานาชาติ และส่งออกไปต่างประเทศมากมาย
  • รัฐบาลประกาศให้เป็น สินค้าไทยดีเด่น ในปี พ.ศ.2527
  • เพิ่ม logo NANYANG ลงบนรองเท้าเพื่อตอกย้ำแบรนด์และคุณภาพ พ.ศ. 2537
  • ปรับภาพลักษณ์ให้ดูสดใหม่ขึ้น
    เล่นกระแส และความไว
  • เน้นสร้าง Value สร้างคุณค่าในสิ่งของส่งมอบให้ผู้บริโภคเป็นกลยุทธ์
  • ทำ Co Creation และสร้างแคมเปญต่างๆ มากมาย อาทิ แบรนด์เก๋า : ช้างดาว X ห่านคู่ ศิลปินคนดัง : แสตมป์ อภิวัชร์ หมูอาซาว่า ศิลปินญี่ปุ่น ออกรุ่นหรือสีพิเศษ ช้างดาวพริ้ง (สีดำ ชมพู) , Red Limited ฉลองแชมป์หงส์แดง (สีแดงล้วน)
    รุ่นจุฬา-ธรรมศาสตร์จุฬา (สีแดง เหลือง), พระสงฆ์ (สีน้ำตาล),
    รุ่นรักษ์โลก นำขยะจากทะเล มาทำเป็นรองเท้า
howto-leftright-touch
icon zoom

กดที่รูปเพื่อขยายตาราง

ตาราง

นันยาง ธุรกิจกงสีของครอบครัวใหญ่

นันยาง ก่อตั้งโดยคุณวิชัย-คุณบุญสม ซอโสตถิกุล ถือเป็นรุ่นบุกเบิก เริ่มต้นการนำเข้ารองเท้าจากสิงคโปร์มาขาย
ขายดีมากจนตัดสินใจซื้อแบรนด์และโนฮาวทั้งหมดมาผลิตที่ประเทศไทย และกลายเป็นนันยางอย่างที่ทุกคนรู้จักกันดี

  • คุณวิชัยและคุณบุญสม มีลูกทั้งหมด 9 คน รุ่นหลานซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 3 มี 24 คน และปัจจุบันรุ่น 4 มีทายาทกว่า 30 คน เรียกว่าเป็นครอบครัวใหญ่
  • จักรพล ถือเป็นน้องคนเล็กสุดของรุ่น 3 ซึ่งวันนี้กำลังทำหน้าที่นำพาธุรกิจนันยางให้เดินไปข้างหน้า
  • การสืบทอดในธุรกิจครอบครัว ค่อนข้างอิสระ สามารถเลือกได้จะทำที่บ้าน หรือประกอบอาชีพตามความถนัด แต่อย่างน้อยก็มีบทบาทเป็นผู้ถือหุ้น

กฎครอบครัว เริ่มต้นหาประสบการณ์จากภายนอก

สำหรับจักรพล หลังจากเรียนจบคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มทำงานแรกด้วยการเป็นพนักงานขาย ของบริษัท เอสซีจี เปเปอร์ จำกัด (มหาชน)
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตนเองไม่มีความคิดจะทำงานที่บ้านตั้งแต่แรก ขณะเดียวกันครอบครัวเองก็ไม่ให้ทำด้วย เนื่องจากครอบครัวมีความคิดว่าใครที่จะทำงานที่บ้านควรมีประสบการณ์ทำงานจากภายนอก 2-3 ปีก่อน เพื่อจะได้เรียนรู้ระบบการทำงานต่างๆ

  • 2 ปีกับการทำงานในเอสซีจี เปเปอร์ ได้เรียนรู้การดูแลลูกค้า ระบบการทำงานระหว่างเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า
    ผู้จัดการ
  • จากนั้นไปเรียนต่อปริญญาโทด้าน Marketing Communication ที่ประเทศอังกฤษ 1 ปี ตั้งใจจะกลับมาทำงานด้านเอเจนซี่โฆษณา แต่สุดท้ายก็กลับไปทำงานที่นันยางในปี 2553

กลับสู่ธุรกิจครอบครัวในฐานะ Professional

การกลับไปทำธุรกิจครอบครัว โดยเฉพาะของนันยาง จะมี 2 Position ด้วยกัน คือ 1. ผู้บริหาร กับ 2. พนักงาน ณ วันนั้นจักรพลเข้าไปในฐานะเจ้าหน้าที่การตลาด เป็นระดับพนักงานทั่วไป

  • เวลานั้นนันยางเป็นระบบบริษัทแล้ว ในสายงานมีลำดับขั้น มี Professional ทำงานร่วมกัน กว่าจะไปถึง MD ถึงแม้จะเป็นคุณป้า แต่ก็ต้องผ่านหัวหน้า ผู้จัดการฝ่าย ผู้จัดการทั่วไป
    ซึ่งจักรพลต้องเรียนรู้ว่าตนเองมีหน้าที่อะไร และต้องทำตามขั้นตอนของบริษัท
  • เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว งานด้านสื่อสารการตลาดยังไม่มีอะไรให้ทำมากนัก ในฐานะเจ้าหน้าที่การตลาดของจักรพลจึงไม่ค่อยได้ทำอะไร เลยต้องพยายามหาอะไรทำ ตรงนี้มองว่าเป็นจุดที่แตกต่างจาก Professional ทั่วไป คือ พนักงาน ถ้าไม่มีงานก็อยู่เฉยๆ แต่พนักงานที่มีหมวกอีกใบในฐานะลูกหลานเจ้าของ จึงมี Passion มากกว่าปกติ ต้องหาอะไรทำ ตอนนั้นมีสมัคร Facebook ให้บริษัท ทำเรื่องการสื่อสารด้วยอีเมล ถือเป็นอะไรที่ใหม่มาก ใช้เวลากว่า 3 เดือน ในการพูดคุยให้คนรุ่นก่อนเข้าใจเรื่องเหล่านี้
มุมคิดธุรกิจดัง, พลิกมุมคิดธุรกิจแบรนด์เก๋า, นันยาง ธุรกิจกงสีของครอบครัวใหญ่, สัมมนาธุรกิจ, สัมมนาออนไลน์, เคล็ดลับการบริหาร
มุมคิดธุรกิจดัง, พลิกมุมคิดธุรกิจแบรนด์เก๋า, นันยาง ธุรกิจกงสีของครอบครัวใหญ่, สัมมนาธุรกิจ, สัมมนาออนไลน์, เคล็ดลับการบริหาร มุมคิดธุรกิจดัง, พลิกมุมคิดธุรกิจแบรนด์เก๋า, นันยาง ธุรกิจกงสีของครอบครัวใหญ่, สัมมนาธุรกิจ, สัมมนาออนไลน์, เคล็ดลับการบริหาร

อยู่บ้านคือ ลูกหลาน ที่ทำงานคือ Professional

การทำงานกับคนในครอบครัวจำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจน หลายธุรกิจครอบครัวมักทำพลาดกับเรื่องนี้

  • บ้านคือบ้าน ไม่ควรคุยเรื่องงานที่บ้าน และโต๊ะกินข้าวคือเวลากินข้าว ฉะนั้น อย่าประชุมงานที่โต๊ะกินข้าว สิ่งที่ต้องทำคือ จัดตารางการประชุมอย่างเป็นประจำ เช่น ทุกวันจันทร์ 9 โมง มีใครต้องประชุมบ้าง นัดหมายให้เป็นระบบ
  • สิ่งที่ทายาทต้องเข้าใจ คือ วันใดที่เข้ามาทำงานที่บ้าน วันนั้นคุณจะสิ้นสุดการเป็น “เจ้าของ” เพราะความหมายของเจ้าของ คือ ทำได้ทุกอย่าง แต่เมื่อคุณทำงานกับบริษัทที่บ้าน คุณไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง นั่นเพราะมีระบบควบคุมอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบเถ้าแก่หรือระบบบริษัท
  • กำหนดหน้าที่ให้ชัดเจน ให้ตำแหน่งกับลูกหลาน ไม่ว่าจะตำแหน่งใหญ่หรือเล็ก เพราะการให้ตำแหน่ง คือ การให้ความรับผิดชอบ

เสนอไอเดียใหม่แบบไม่ให้โดนปฏิเสธ

ทายาทหลายคนเจอปัญหาถูกปฏิเสธไอเดียหรือความคิดใหม่ๆ จากผู้บริหารรุ่นก่อน ทางออกของเรื่องนี้ทำได้ไม่ยาก

  • หลีกเลี่ยงการเสนอไอเดียบนโต๊ะกินข้าว ทายาทส่วนใหญ่ใช้ความเป็นลูกหลานพูดคุยกันแบบสบายๆ เพราะคิดว่าจะจบได้ง่าย แต่ผลที่ได้มักจะตรงกันข้าม
  • ให้นำเสนอไอเดียในห้องประชุม เตรียมข้อมูลการนำเสนอให้พร้อม ทำงานแบบมืออาชีพ ไอเดียเป็นอย่างไร มีกรอบเวลาการทำงานอย่างไร ใช้งบประมาณเท่าไร มีความเสี่ยงแค่ไหน ถ้าจะเจ๊ง เจ๊งได้เท่าไร เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องนำเสนอให้ครบ เพื่อให้เกิดการตัดสินใจร่วมกัน
มุมคิดธุรกิจดัง, พลิกมุมคิดธุรกิจแบรนด์เก๋า, นันยาง, ธุรกิจครอบครัว, สัมมนาธุรกิจ, สัมมนาออนไลน์, แผนธุรกิจ, กลยุทธ์การตลาด
มุมคิดธุรกิจดัง, พลิกมุมคิดธุรกิจแบรนด์เก๋า, นันยาง, ธุรกิจครอบครัว, สัมมนาธุรกิจ, สัมมนาออนไลน์, แผนธุรกิจ, กลยุทธ์การตลาด มุมคิดธุรกิจดัง, พลิกมุมคิดธุรกิจแบรนด์เก๋า, นันยาง, ธุรกิจครอบครัว, สัมมนาธุรกิจ, สัมมนาออนไลน์, แผนธุรกิจ, กลยุทธ์การตลาด

เดินเกมธุรกิจในแบบทายาทรุ่นที่ 3

จากพนักงานทั่วไปเรียนรู้และพิสูจน์ตัวเองจนก้าวขึ้นสู่ผู้บริหารระดับสูง วันนี้การนำทัพในแบบจักรพล คือ การมุ่งปรับภาพลักษณ์ให้นันยางดูสดใหม่ เน้นใช้ความคิดสร้างสรรค์มากกว่าทุ่มเงินลงทุน จะเห็นได้จากแคมเปญต่างๆ ที่มีทั้งการ Collabs และการจับกระแสฮิตมาพลิกเป็นยอดขาย อาทิ แบรนด์เก๋า ช้างดาวxห่านคู่ หรือการร่วมกับคนดัง แสตมป์ อภิวัช, หมู อาซาวา ศิลปินญี่ปุ่น หรือแคมเปญช้างดาวพริ้ง ที่กวาดยอดขายกว่า 1 แสนคู่ ใน 21 ชั่วโมง รวมถึงแคมเปญ Anti Bully Red Limited ฉลองแชมป์ให้หงส์แดง ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ หรือแม้แต่การเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น รองเท้าแตะช้างดาว ขาวล้วน ดำล้วน และสีน้ำตาลสำหรับพระสงฆ์

  • การพัฒนาของนันยาง เกิดจากการเรียนรู้ข้อจำกัดของตัวเองและความล้มเหลวที่ผ่านมา ต้องเข้าใจตัวเองแล้วมองในมุมของสินค้าดูว่าตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าอยากได้หรือไม่ ซึ่งการรู้จักลูกค้าเป้าหมายคือสิ่งสำคัญที่สุด สำหรับวิวัฒนาการของแบรนด์นันยาง มี 4 ยุคด้วยกัน
  • 1.0 ยุค Functional โฆษณาสินค้าดี ทน มีคุณภาพอย่างไร
  • 2.0 ยุค Emotional ขายอารมณ์ เก๋าตั้งแต่รุ่นพ่อ ทุกก้าวคือตำนาน
  • 3.0 ยุค Platform เปรียบเป็นกระดาษ A4 อยากจะเขียนเติมอะไรลงไปก็ได้ สื่อสารว่านันยางทำอะไรก็ได้ จะ Collabs หรือปรับได้ในทุกรูปแบบ
  • 4.0 ยุค Media นันยางคือสื่อที่พูดอะไรก็ได้ เช่น คนสนใจเรื่องการ Bully ในโรงเรียน นันยางก็สื่อสารเรื่องนี้ออกไปผ่านรองเท้า
มุมคิดธุรกิจดัง, พลิกมุมคิดธุรกิจแบรนด์เก๋า, นันยาง, ส่งต่อธุรกิจ, สัมมนาธุรกิจ, สัมมนาออนไลน์, Bully ในโรงเรียน
มุมคิดธุรกิจดัง, พลิกมุมคิดธุรกิจแบรนด์เก๋า, นันยาง, ส่งต่อธุรกิจ, สัมมนาธุรกิจ, สัมมนาออนไลน์, Bully ในโรงเรียน มุมคิดธุรกิจดัง, พลิกมุมคิดธุรกิจแบรนด์เก๋า, นันยาง, ส่งต่อธุรกิจ, สัมมนาธุรกิจ, สัมมนาออนไลน์, Bully ในโรงเรียน

ทิ้งท้ายเคล็ดลับ 4ร ส่งต่อธุรกิจจากรุ่น
สู่รุ่น

อยากให้การส่งไม้ต่อในธุรกิจครอบครัวทำได้อย่างราบรื่น จักรพลฝากแง่คิดทิ้งท้ายด้วย เคล็ดลับ 4ร ต่อไปนี้

  • ระบุเป้าหมาย เพื่อให้เห็นทิศทางธุรกิจอย่างชัดเจน
  • ระบบ ทำทุกอย่างให้เป็นระบบเพื่อง่ายต่อการส่งต่อ
  • ระเบียบ ถึงเป็นคนในครอบครัวก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบบริษัท
  • ระลึกถึงอดีต รุ่นผู้ใหญ่สร้างสิ่งดีไว้ เมื่อเข้ามาจะรักษาสิ่งดีต่ออย่างไรและเรื่องไหนควรปรับตามยุคสมัย