*เงื่อนไข
- เป็นลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ COVID-19 เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน หรือธุรกิจที่ปิดบริการชั่วคราวตามประกาศทางราชการ
- เป็นลูกค้าที่มีวันค้างชำระไม่เกิน 90 วัน
หมายเหตุ
- บัตรเครดิต บัตรเงินด่วน สินเชื่อเงินด่วน ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่านทาง SMS ภายใน 5 วัน หลังจากที่ลูกค้าลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
- สินเชื่อบ้าน กรณีลงทะเบียนสำเร็จภายในวันที่ 20 ของเดือน ธนาคารเริ่มปรับยอดผ่อนภายในเดือนนั้น หากลงทะเบียนสำเร็จหลังวันที่ 20 ของเดือน ธนาคารเริ่มปรับยอดผ่อนในเดือนถัดไป สำหรับลูกค้าที่มีผ่อนชำระงวดวันสุดท้ายของเดือน และมีการแจ้งผลผ่านทาง SMS ภายใน 10 วันหลังจากวันที่ปรับยอดผ่อนเรียบร้อยแล้ว
- ลูกค้าสามารถชำระหนี้เต็มจำนวน หรือมากกว่าดอกเบี้ยเพื่อลดยอดหนี้ได้ผ่านช่องทางปกติ โดยไม่ต้องแจ้งธนาคาร
บัตรเครดิต บัตรเงินด่วน
- ยอดการพักชำระเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ยของบัตรเครดิต บัตรเงินด่วน ไม่รวมยอดผ่อนชำระรายเดือน (SmartPay / SmartCash) มีผลรอบบัญชีถัดไปถึงรอบบัญชีเดือนธันวาคม 2563
- สำหรับบัตรเครดิต ผู้ลงทะเบียนเพื่อขอเข้าร่วมมาตรการต้องเป็นบัตรหลักเท่านั้น
**เป็นไปตามการพิจารณาของธนาคาร
- เป็นลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติบัตรก่อน 1 เมษายน 2563
- เป็นลูกค้าที่มีวงเงินรวมบัตรเครดิตไม่เกิน 45,000 บาท / หรือ วงเงินบัตรเงินด่วนไม่เกิน 45,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ยพิเศษ มีผลรอบบัญชีถัดไปถึงรอบบัญชีเดือนกันยายน 2563
- สำหรับลูกค้าบัตรเงินด่วนที่ได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากรายการการส่งเริมการขายต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย 0% 90 วัน ส่วนลดอัตราดอกเบี้ย 50% 30 วัน เป็นต้น ไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการในช่วงที่ยังได้อัตราดอกเบี้ยพิเศษต่างๆ อยู่
- เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
เงื่อนไขของสินเชื่อเงินด่วนเพิ่มเติม
- กรณีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการพักชำระต้นและดอกเบี้ยแล้ว ลูกค้าจะไม่มีประวัติค้างชำระในเครดิตบูโร (NCB)
- ตลอดระยะเวลาพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย จะมีการคำนวณดอกเบี้ยตามปกติ
- เมื่อพ้นระยะเวลาที่ลูกค้าได้รับความช่วยเหลือแล้ว การชำระหนี้เงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาเดิม โดยเริ่มผ่อนตามปกติในเดือนถัดไป
- หลังจากที่ครบกำหนด 3 รอบบัญชีไปแล้ว ธนาคารจะเรียกเก็บตามยอดผ่อนชำระต่อเดือนเท่าเดิมตามสัญญา โดยยอดผ่อนชำระต่อเดือนหลังมาตรการครบกำหนด จะถูกนำมาชำระดอกเบี้ยคงค้างก่อน ส่วนที่เหลือจึงจะนำไปหักชำระเงินต้นที่คงค้าง ทั้งนี้ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยบนยอดเงินต้นที่คงค้างเท่านั้น
ใครสามารถเข้าร่วมมาตรการพักชำระต้นและดอกเบี้ยได้บ้าง
- ลูกค้าผู้ประกอบการที่มีวงเงินรวมของกลุ่มธุรกิจกับธนาคารน้อยกว่า 100 ล้านบาท ณ 31 ธันวาคม 2562 โดยมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อธุรกิจ เช่น สินเชื่อเงินกู้ (Commercial Loan) ,วงเงินเบิกเกินบัญชี (OD), ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) , สินเชื่อแฟคเตอริ่ง (Factoring), สินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศ (Trade)
- ลูกค้าไม่มีสถานะเป็นหนี้ NPL ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
- กรณีลูกค้าสินเชื่อธุรกิจที่ได้รับสิทธิ์ มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อเงินด่วน จะได้เข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนด้วย
โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ที่
https://www.kasikornbank.com/CheckingRescue
ผลิตภัณฑ์สินเชื่อประเภทไหนบ้างที่สามารถเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้
- ผลิตภัณฑ์สินเชื่อธุรกิจ เช่น สินเชื่อเงินกู้ (Commercial Loan) ,วงเงินเบิกเกินบัญชี (OD), ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) , สินเชื่อแฟคเตอริ่ง (Factoring), สินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศ (Trade)
- กรณีลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ ที่ได้รับสิทธิ์ มีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อเงินด่วน จะได้เข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนด้วย
ในกรณีที่ลูกค้าตรวจสอบรายชื่อแล้ว ไม่ได้รับสิทธิ์ในการพักชำระหนี้ต้องทำอย่างไร
ท่านสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อให้ธนาคารติด่อกลับ โดยเลือก บน website ธนาคาร หน้าจอ "ตรวจสอบสิทธิ์หรือแจ้งความประสงค์ให้หักบัญชีได้ที่ "
กรุณาเลือก "ขอรายละเอียดเพิ่มเติม"ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าจะติดต่อกลับเพื่อชี้แจงภายใน 10 วัน ทั้งนี้ ท่านสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ พักชำระเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ย 12 เดือน ที่
line://oaMessage/@kbanklive/ พิมพ์ @help >> เลือกมาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้าธุรกิจ >> เลือกพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย >> เลือก พักชำระเงินต้น 12 เดือน
กรณีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการพักชำระต้นและดอกเบี้ยแล้ว ลูกค้าจะมีประวัติค้างชำระในเครดิตบูโร (NCB) หรือไม่
ไม่มีประวัติค้างชำระใน เครดิตบูโร (NCB)
หากเคยลงทะเบียนเข้ามาตราการพักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย 12 เดือนแล้ว หากต้องการขอเข้าร่วมมาตราการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน จำเป็นต้องลงทะเบียนเข้าร่วมใหม่ หรือส่งเรื่องยกเลิกมาตรการตัวเดิมหรือไม่
สำหรับลูกค้าที่เคยเข้าร่วมมาตราการ พักชำระเงินต้นจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยมาแล้ว และตรงตามหลักเกณฑ์ ธนาคารจะมอบสิทธิ์ให้เข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 6 เดือน โดยอัตโนมัติและไม่ต้องลงทะเบียนใหม่กับธนาคาร ซึ่งจะมีผลตามงวดชำระตั้งแต่เดือน เมษายน 2563 จนถึง กันยายน 2563 ทั้งนี้ท่านสามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ผ่านช่องทาง
https://www.kasikornbank.com/CheckingRescue
มาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยจะมีผลตั้งแต่เดือนไหน และมีผลย้อนหลังหรือไม่
มาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยมีผลตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2563 (ไม่มีผลย้อนหลังไปก่อนเดือนเมษายน)
กรณีที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน หากยังต้องการขอเข้าร่วมมาตราการ พักชำระเงินต้นจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย 12 เดือน จะสามารถขอได้อยู่หรือไม่
กรณีเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแล้ว ยอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หลังเข้าร่วมมาตรการ
- ลูกค้าผ่อนชำระด้วยยอดผ่อนเท่าเดิมก่อนเข้ามาตรการ ซึ่งจะนำไปชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยตามเดิม ทั้งนี้หากครบกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระ แต่เงินต้นยังไม่หมด ธนาคารจะขยายระยะเวลาการผ่อนชำระโดยการต่อสัญญา แต่ไม่คิดค่าธรรมเนียมและอัตราดอกเบี้ยผิดนัด
- แนวทางการชำระส่วนที่พักชำระ ลูกค้าและธนาคารจะตกลงกันอีกครั้ง โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น ดอกเบี้ยส่วนที่พักชำระไว้ จะนำมาแบ่งเฉลี่ยเรียกเก็บไม่น้อยกว่า 24 เดือน หรือ จ่ายชำระส่วนที่พักชำระทั้งจำนวน
ตัวอย่าง
ดอกเบี้ยพักชำระของ OD 60,000 บาท
ดอกเบี้ยพักชำระของ PN 60,000 บาท
ดอกเบี้ยพักชำระรวม 120,000 บาท
เฉลี่ย 24 เดือน จะได้ ยอดผ่อนชำระรายเดือน 5,000 บาท
กรณีเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแล้ว ระยะเวลาการชำระต้องขยายออกไปหรือไม่
ระยะเวลาครบกำหนดชำระยังคงเท่าเดิม ธนาคารขอแนะนำให้ลูกค้าชำระตามค่างวดหรือมากกว่าปกติได้ ทั้งนี้หากครบกำหนดสัญญาและลูกค้ายังไม่สามารถปิดยอดหนี้ที่เหลือในงวดสุดท้ายของสัญญาได้หมด ทางธนาคารแนะนำให้ติดต่อกลับมาอีกครั้งตามช่องทางที่ท่านสะดวก
สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการที่มีความพร้อม หากประสงค์ชำระหนี้เพื่อลดยอดเงินต้นและภาระดอกเบี้ยในอนาคต สามารถชำระหนี้ผ่าน
- K PLUS (ลูกค้านิติบุคคลไม่สามารถใช้ช่องทางนี้ได้)
- สาขาธนาคาร
- ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า
หากสิ้นสุดมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแล้ว จะขอขยายระยะเวลาของมาตรการเพิ่มเติมหรือมีมาตรการอื่นๆช่วยเหลือหรือไม่
ปัจจุบันธนาคารมีมาตรการการให้พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ถึง กันยายน 2563 ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงทางธนาคารจะแจ้งให้ทราบและรอประกาศจากธนาคารต่อไป
ลูกค้าขอเข้ามาตรการที่กสิกรไทยแล้ว สามารถขอที่ธนาคารอื่นเพิ่มเติมได้หรือไม่
ลูกค้าสามารถขอเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือ กับธนาคารอื่นได้ ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยและสามารถติดต่อไปยังแต่ละธนาคารได้ตามที่ลูกค้ามีสินเชื่อ
หากลูกค้าไม่ต้องการเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ต้องการให้ธนาคารหักบัญชีชำระสินเชื่อเช่นเดิมจะต้องทำอย่างไร และให้มีผลรอบเดือนนี้เลยได้หรือไม่
แนะนำให้ลูกค้าแจ้งผ่าน
https://www.kasikornbank.com/CheckingRescue จากนั้น เลือก "ให้หักบัญชีเพื่อชำระหนี้ตามปกติ" โดยลูกค้าจะถูกหักเงินจากบัญชีอัตโนมัติเพื่อชำระสินเชื่อตามเดิม โดยหากลูกค้าดำเนินการก่อนวันที่ 20 จะมีผลในรอบบิลเดือนนั้น แต่หากหลังวันที่ 20 จะมีผลในรอบบิลเดือนถัดไปจนถึงเดือนกันยายน
หากได้แจ้งความประสงค์ว่าเลือกหักบัญชีตามเดิมผ่านระบบตรวจสอบสิทธิ์แล้ว บางเดือนมีปัญหา มีผลไม่สามารถหักบัญชีชำระสินเชื่อได้ ลูกค้าจะเสียประวัติการชำระกับธนาคารหรือไม่
ลูกค้าจะไม่เสียประวัติการชำระกับธนาคาร ในช่วงเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตั้งแต่เม.ย.-ก.ย. 63 ถึงแม้จะแจ้งความประสงค์ว่าให้ธนาคารหักบัญชีตามเดิมก็ตาม
กรณีลูกค้ากู้ร่วม จะสามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้อย่างไร
กรณีลูกค้ามีการกู้ร่วมกัน จะสามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้จากชื่อของผู้กู้หลักเท่านั้น
กรณีที่เลือก ให้หักบัญชี ที่หน้าเวปเว็บไซต์ แล้ว แต่เงินในบัญชีไม่พอให้หักชำระตามยอด จะเสียประวัติข้อมูลเครดิต หรือมีประวัติค้างชำระ หรือไม่
กรณีที่ลูกค้าแจ้งให้หักชำระตามปกติบนหน้าเวปเว็บ หากลูกค้าเคยลงทะเบียนเข้ารับมาตรการพักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย 12 เดือนก่อนหน้านี้ ธนาคารจะหักชำระตามเงื่อนไขเดิมที่ลงทะเบียน คือ หักเฉพาะดอกเบี้ยหากมีเงินในบัญชีไม่เพียงพอให้ธนาคารหักชำระหนี้ ธนาคารจะดำเนินการหักเท่าที่มี แต่จะไม่มีการทวงถามหนี้ และไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต และลูกค้ายังได้รับสิทธิ์การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน
เมื่อครบกำหนดการพักชำระสินเชื่อ OD มีวิธีคิดและชำระอย่างไร
เมื่อครบกำหนดการพักชำระสินเชื่อ OD ต้องแบ่งเป็น 2 กรณี
กรณีที่ 1 ยังเบิกใช้ไม่เต็มวงเงิน ลูกค้าสามารถชำระดอกเบี้ยจะทั้งหมดหรือบางส่วนได้
กรณีที่ 2 เบิกใช้เต็มวงเงินแล้ว ส่วนของดอกเบี้ยที่ตั้งพักชำระไว้ จะนำมาแบ่งเฉลี่ยเรียกเก็บไม่น้อยกว่า 24 เดือน หรือจ่ายชำระส่วนที่พักชำระไว้ทั้งจำนวน ขึ้นอยู่กับการตกลงของลูกค้าและธนาคาร ไปตั้งเป็นวงเงินกู้ใหม่
ระยะเวลาผ่อน 1-2 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย