กล่าวได้ว่า ยุโรปเป็นเมืองในฝันของหลายๆ คนที่อยากไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะแต่ละประเทศในแถบยุโรปมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง ต้องบอกว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเกินไปถ้ามีการเตรียมตัวที่ดี โดยมีคำแนะนำมาฝาก ดังนี้ค่ะ
สภาพอากาศและการแต่งกาย
การเดินทางไปเที่ยวยุโรปสามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ขึ้นอยู่กับว่าชอบเที่ยวในช่วงเวลาไหน ซึ่งแต่ละช่วงจะให้ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน โดยฤดูกาลของประเทศแถบยุโรปแบ่งได้เป็น 4 ช่วงคือ
- - ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) เป็นช่วง High Season ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกัน อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 5-15 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าสว่างเร็วมากๆ ตั้งแต่ช่วงตี 5 และกว่าจะมืดก็ 2-3 ทุ่ม ทำให้เรามีเวลาเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ยุโรปกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากความเยือกเย็นและเหน็บหนาวของหิมะ ต้นไม้ต่างๆ เริ่มผลิดอกออกผล ดอกไม้จะเบ่งบานสวยงาม อากาศกำลังดี หนาวเล็กน้อย สามารถใส่เสื้อกันหนาวสวยๆ เท่ๆ ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก
- - ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศอบอุ่น อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 18-30 องศาเซลเซียส และที่ยุโรปจะมืดช้ากว่าบ้านเรา โดยยังมีแสงแดดจนถึง 4 ทุ่ม ซึ่งคนที่ไม่ชอบอากาศหนาวมากนักอาจเลือกมาเที่ยวในช่วงนี้ การแต่งกายจะค่อนข้างสบายๆ เหมือนอยู่เมืองไทย
- - ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ช่วงนี้อากาศจะเริ่มเย็นลง อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10-18 องศาเซลเซียส ใบไม้ต่างๆ ที่เคยเป็นสีเขียวเริ่มกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนแล้วร่วงโรยลง ถ้ามาเที่ยวช่วงนี้จะได้เห็นใบไม้สวยหล่นเต็มถนน การแต่งกายควรเป็นเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นเล็กน้อย
- - ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมีจำนวนไม่เยอะมาก โดยช่วงเวลาท่องเที่ยวค่อนข้างสั้น เพราะท้องฟ้าจะมืดเร็วประมาณ 4 โมงเย็น หิมะตกและอากาศหนาวเย็นติดลบ ต้องสวมใส่เสื้อผ้ารองเท้าที่อบอุ่นมากๆ ถ้ามาเที่ยวในช่วงนี้จะได้เห็นกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
การเดินทาง
ลักษณะการเดินทางในยุโรปสามารถเดินทางได้หลายรูปแบบ เช่น เครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ เป็นต้น โดยแต่ละรูปแบบก็มีข้อดีหรือจุดเด่นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความชอบหรือไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ถ้าวางแผนไปหลายประเทศ การเดินทางด้วยเครื่องบินก็สะดวกเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง ถ้านั่งรถไฟ อาจใช้เวลานานขึ้น แต่จะได้ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ วิถีชีวิตของคนยุโรป ตลอดสองข้างทาง สำหรับผู้ที่วางแผนเดินทางด้วยรถไฟ ขอแนะนำดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน “Rail Planner” ซึ่งเป็นแอพที่จะช่วยให้การเดินทางด้วยรถไฟระหว่างประเทศในยุโรปสะดวกมากขึ้น โดยแอพนี้มีข้อดีที่สำคัญคือ สามารถใช้แบบออฟไลน์ได้ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ทำให้สามารถเช็คเวลาการเดินทางได้ตลอด เพราะรถไฟในยุโรปนั้นตรงเวลามาก ส่วนการขับรถเที่ยวเอง จะทำให้เราสามารถแวะพักเพื่อเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้ตามที่เราต้องการ และสะดวกในกรณีที่เราต้องการเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ สามารถเอากระเป๋าใส่ในรถยนต์ได้ ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องแบกกระเป๋าขึ้นลงรถไฟหรือรสบัส แต่ผู้ที่ขับรถเที่ยวเอง ต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ในต่างประเทศ (International driving license)
เงินติดตัว
วางแผนให้ดีว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องใดบ้าง เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าของฝาก ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ และควรเตรียมเงินเผื่อไว้อีกส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ตกรถไฟ ทำให้ต้องซื้อตั๋วใหม่ หรือต้องนั่งรถแท็กซี่แทน เป็นต้น โดยควรแลกเงินไปให้พอดีๆ เพราะถ้าเหลือกลับมาแลกคืนเป็นเงินบาท มีโอกาสขาดทุนจากอัตรารับซื้อคืนเงินตราต่างประเทศได้ แต่ถ้าเงินสดที่เตรียมไว้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย สามารถใช้บัตรเดบิตกดถอนเงินสดจากตู้ ATM ที่มีเครื่องหมาย PLUS โดยค่าธรรมเนียมในการกดเงินขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของบัตรและค่าบริการของตู้ นอกจากนี้ การพกบัตรเครดิตติดตัวไว้เพื่อใช้จ่ายในต่างประเทศก็สะดวกและปลอดภัย ทั้งนี้ ธนาคารต่างๆ จะมีระบบป้องกันการใช้บัตรในต่างประเทศ ก่อนเดินทาง ควรโทรแจ้งธนาคารให้ทราบเสียก่อน สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการคำนวณจะเป็นอัตราของวันที่ธนาคารเรียกเก็บเงินจากร้านค้า (ไม่ใช่วันที่เราซื้อสินค้า) บวกกับค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งสูงสุดอยู่ที่ 2.5% ของยอดใช้จ่าย ดังนั้น หากระหว่างเรียกเก็บ ค่าเงินบาทเกิดแข็งค่า จะทำให้เราซื้อสินค้าในราคาที่คิดเป็นเงินบาทที่ถูกลงได้